เคยเอา “กรณีศึกซ่า” เล่าเป็น กรณีศึกษา ให้ผู้เข้าอบรมฟังว่า ดร.สุขุม นวลสกุล หิ้วขาหมูเข้ามาในโฮมออฟฟิศชวนผมกินข้าว อดีตอธิการบดี ม. รามคำแหง 2 สมัย บอกกับผมว่า “คุณให้ใครไปซื้อ รูทเบียร์ มาสัก 3 กระป๋อง เอาแบบฉํ่าๆ นะ จะซดแก้เลี่ยนสักหน่อย” คอนํ้าอัดลมจะรู้ดีว่า “รูทเบียร์” คือ นํ้าอัดลม ที่มี สมุนไพร กับ เครื่องเทศ เช่น โป๊ยกั๊ก ชะเอมเทศ เป็นส่วนผสม
ผมเรียก พี่นงค์ ดาราประจำวิน สั่งแบบเดียวกับที่ ซินแสการเมือง กำชับไว้นั่นแหละ 10 นาที ผ่านไป พี่นงค์ แกก็หิ้ว รูทเบียร์ 3 ขวดลิตร เอามาส่งให้ แต่ละขวดอุณหภูมิอบอุ่นยังไม่ได้แช่เย็นแม้แต่ขวดเดียว โชคดีนะที่ “พี่ขุม” ไม่ได้พกหนังสติ้กติดตัว! (ฮา)
ถึงแม้จะแก้ตัวว่า พี่นงค์ ไม่ได้เป็น ลูกน้องผม ผมก็รู้ว่าคราวนั้นผมควรจะสื่อให้ชัดเจน 100% ผมไม่น่าจะปล่อยให้ พี่นงค์ คิดเอง อ่านผ่านๆ ก็เหมือนจะดูดี ถ้าคิดดูอีกทีรู้สึกว่าผมกำลังเหยียบตาปลา พี่นงค์ (ฮา)
ก็เอาเป็นว่า ถ้า พี่นงค์ เป็นลูกน้องผมโดยตรง ผมจะต้องติวให้แหล่มกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นักบิดทุกวิน จะไม่ใช่ลูกน้อง ของท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ตาม ไหนๆ ก็พูดไว้แล้วว่า ทำงาน! ทำงาน! ทำงาน!
ท่านมีความชอบธรรมอย่างยิ่งที่จะรับเผือกร้อนเอาไปปรุงรสด้วยการจัดสัมมนาชี้แนะให้ วินมอเตอร์ไซต์ เข้าใจ จิตวิทยาในการสื่อสาร และ จิตสำนึกในงานบริการ ให้แจ่มกว่านี้ จักเป็นผลดีแบบ “วิน - วิน - วิน” (ฮา!) วิน คำแรก คือ นักบิดทุกวิน ท่านใดที่เป็นคอหวยน่าจะเดาออกว่า วินสอง กับ วินสาม คือ อะไร……
• สายวัด เขามี “ไตเติ้ลตั้งต้น!” ว่า นะโมตัสสะ ฉันใด สายว้าว อย่างผม ก็จะ “อ้างเองอิงเอง!” กันมั่งเป็นธรรมดา คงจำกันได้แล้วว่า ผู้ที่ได้ชื่อว่า “มืออาชีพ” ต้องมี 1 ใน 11 คุณลักษณะระดับพื้นฐาน หนึ่งในหลักเหล่านั้น คือ “ผู้นำมืออาชีพควรจะอนุญาตหรือสนับสนุนผู้ตามให้คิดดีทำดีทั้งแก่ตนและผู้อื่น!”
อย่าคิดว่าข้อนี้ไม่เห็นจะมีอะไรซับซ้อน ตราบใดที่เรายังคิดอยู่ว่า “เราตกตํ่าเพราะมันแท้ๆ แต่เดิมเราทำงาน วันละ 7 รายการ จู่ๆ ไอ้หมอนี่ มันทะลึ่งผุดขึ้นมานั่งข้างๆเก้าอี้เรา ทำงานได้วันละ 12 รายการ มันคือตัวถ่วง!” องค์กร ใดที่ตั้งอยู่ในโซนติดเชื้อ ชุดความเชื่อเชิงลบ (Negative Mindset) โอกาสที่ลุ้นว่าจะสมหวัง มีแวว “ก้าวลาก” คือ ลากกันไปก้าวกันมา อย่าหวังเลยว่าจะ “ก้าวลิ่ว”
• ขอปฏิบัติการซักฟอกว่า “เพ้อฝัน” คือ “มะ-โน” สำหรับ “เพ้อเจ้อ” จะโดน “มะเหงก” (ฮา!) “เพ้อเจ้อ” แปลว่า “พูดมากในเรื่องไร้สาระ หรือ คิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” เพราะว่าเรื่องที่เอ่ยขึ้น ฝันทิพย์มันไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีหลักการ หรือ ทฤษฏีรองรับ และ ปราศจากข้อมูลที่พิสูจน์ได้มาสนับสนุน
“เพ้อฝัน” ขอใช้ “มีดหมอ” ศัลยกรรม “เพ้อ” กับ “ฝัน” สองคำนี้สนธิตั้งครรภ์กันได้ฉันใด
“เพ้อ” หมายถึง “พูดโดยไม่รู้ตัว” น่าจะ หลับ หรือ อารมณ์ตกอยู่ในภวังค์ ก็ได้ กรณี
“ฝัน” อธิบายได้ว่า หมายถึง ก็มี หมาย(ไม่)ถึง ก็มี คะเนกันว่า “ตนเอง เห็นภาพ หรือ เรื่องราวในขณะที่หลับ หรือ นึกภาพออกในสิ่งที่ยังเป็นไปไม่ได้ในขณะที่ตื่น แต่ก็ กำหนดตายตัวมิได้ ว่า มันเป็นไปไม่ได้” รวบรัดตัดความว่า สักวันหนึ่งในอนาคตมันจะเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ อย่างเช่น ในที่สุดคนก็สามารถเหาะลอยอยู่กลางอากาศได้!
•เมื่อเร็ววันนี้ผมคุยกับผู้ใหญ่สายธุรกิจมีนิคเนมว่า พี่โจ้ คุยถึงการทำงานด้วยกันก็ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน คล้ายกับ ขนมชั้น กว่าจะครบชุดต้องทำกันหลายชั้น ไอเดียพิลึกผุดขึ้นมาฉับพลัน ผมลาก พี่โจ้ แวะริมทางว่า
“ขนมชั้นเคยเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นขนมชั้นแบบเดิม ถึงจะปรับรูปทรงเป็น ดอกไม้ ตุ๊กตา เค้กวันเกิด รสชาติก็ยังเหมือนเดิม ถ้าเปิดทางให้ผมมีส่วนร่วม ผมจะนำเสนอเวอร์ชั่นใหม่ สองชั้นบนสุด จะปรุงรสชาติปลาซาบะ สองชั้นลงมา ปรุงรสชาติสาหร่าย สองชั้นลงไป ปรุงรสชาตินํ้าบ๊วย สองชั้นล่างสุด ปรุงรสชาติหวานหอมล้างคาวยอดขายตรึมชัวร์ ขนมชั้นเผือกประดิษฐ์!” นี่ไง…เพ้อฝัน “ความต่างมาเยือนความเหมือนเราไม่ทิ้งกัน!”
• DailyTenminutes โดย Rohn เล่าว่า บริษัทของเขา จะว่าอยู่ในเมืองก็ไม่ใช่อยู่บ้านนอกก็ไม่เชิง อาคารอยู่ติดกับริมแม่นํ้า ไม่มีเรือรับจ้างมาบริการรับส่งข้ามฝั่ง ลูกน้อง เอาของไปส่ง ข้ามฟากแต่ละคราว จะต้องสวมชูชีพกันเหนียว ลุยนํ้าสูงเทียมอก สองมือยกของขึ้นเหนือหัวเดินลุยนํ้าไปและกลับ
บริษัทเกิดลางดีเมื่อมี พนักงานป้ายแดง สมัครเข้าร่วมงาน เพราะแลเห็นว่าบริษัทมีช่องทางให้แจ้งเกิด วันแรก มารายงานตัวพร้อมกับแฟ้มหนีบรักแร้ องค์ลงได้ที่ก็เคาะประตูห้องเจ้านายแล้วเข้าไปสวัสดีคุยกับ เจ้านาย ว่า
“ด้วยความเคารพนะครับท่าน ผมขออนุญาตเสนอความเห็นว่า วิธีขนส่งของที่เราทำกันอยู่มันดีตรงที่ได้วัดใจว่า ใครอึดไม่อึด ผมเป็นห่วงตรงที่มันเสี่ยงที่จะเกิดความสูญเสียไม่คนก็ของ ผมว่าเราน่าจะทำกำไรให้ท่วมท้นสร้างบุญกุศลให้กระหึ่มด้วยการสร้างสะพานข้ามแม่นํ้า เราได้ใช้งาน ชาวบ้านได้พึ่งพาอาศัย จะดีไหมครับท่าน”
เจ้านายก็ใจนักเลง ยิ้มแล้วบอกว่า “คุณรู้จักใครที่เขียนแปลนเป็นบ้างไหม” ลูกน้องป้ายแดงรีบส่งแฟ้มให้ เจ้านายดู พร้อมกับพูดว่า “ผมทำตามหลักที่ว่า สั่งงานวันนี้ ต้องทำเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน” (ฮา!) ต
เจ้านายลุกขึ้นมาจับมือแล้วบอกเขาว่า “ผมรอคนแบบคุณมานานแล้ว” เชื่อสิ มีแน่แบบนี้ “ลูกพี่มืออาชีพ”