นอกจากนี้ธุรกิจครอบครัวยังมีผู้นำที่มั่นคงกว่าและสร้างความไว้วางใจจากพนักงานและลูกค้าได้มากกว่าอีกด้วย แม้การเข้าตลาดหลักทรัพย์อาจจำเป็นหรือมีประโยชน์ต่อการเติบโตของบริษัท แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น เปิดโอกาสให้สมาชิกครอบครัวที่ไม่สนใจธุรกิจขายหุ้นให้กับนักลงทุนภายนอก และเสี่ยงต่อการเผชิญกับนักลงทุนเชิงกิจกรรม (activist investors)
แต่ความเสี่ยงมากที่สุดคือการสูญเสียการควบคุมเชิงกลยุทธ์ ธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่จึงมักพยายามหลีกเลี่ยงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรักษาความมั่นคงและการเติบโตของธุรกิจ หรือหากตัดสินใจเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็ยังคงต้องการรักษาคุณลักษณะของธุรกิจครอบครัวไว้ เช่น การให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความสอดคล้องกับค่านิยมครอบครัว และวิสัยทัศน์ระยะยาว เป็นต้น
อย่างไรก็ตามธุรกิจครอบครัวที่เลือกเข้าตลาดหลักทรัพย์สามารถลดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมเชิงกลยุทธ์ได้ โดยการเตรียมสมาชิกครอบครัวให้พร้อมรับตำแหน่งผู้นำ ควบคุมคณะกรรมการบริษัท และรักษาสิทธิ์ในการลงคะแนนผ่านการออกหุ้นสองประเภท (dual-class shares) เป็นต้น
โดยในฐานข้อมูลของ Brown-Forman ที่เก็บข้อมูลธุรกิจครอบครัวกว่า 130 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น New York Stock Exchange (NYSE) และ Nasdaq ของสหรัฐอเมริกา พบว่า 55% มีซีอีโอที่เป็นสมาชิกครอบครัว และ 84% มีประธานบริษัทที่เป็นสมาชิกครอบครัว
3. ศึกษาทางเลือกต่างๆ ธุรกิจครอบครัวมีหลายทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากการเป็นบริษัทในตลาดทรัพย์ ขณะที่ยังคงรักษาการควบคุมเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานได้ เช่นการรักษาการควบคุม: ธุรกิจครอบครัวยังคงสามารถควบคุมการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ แม้จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการออกหุ้นสองประเภท (dual-class shares) ที่ให้สิทธิ์การออกเสียงมากขึ้นแก่ครอบครัว
การเพิ่มกรรมการอิสระเพื่อเสริมความเชื่อมั่น : การเพิ่มกรรมการอิสระเข้าไปในคณะกรรมการบริษัท ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นที่ไม่ใช่สมาชิกครอบครัว และช่วยให้การกำกับดูแลกิจการมีความโปร่งใสมากขึ้น
การจัดการโครงสร้างผู้นำอย่างสมดุล : หากซีอีโอเป็นสมาชิกครอบครัว การมีประธานคณะกรรมการบริษัทที่ไม่ใช่สมาชิกครอบครัวหรือกรรมการอิสระจะช่วยรักษาความสมดุลและเพิ่มความรับผิดชอบในการบริหาร เช่น การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ เพิ่มความโปร่งใส ความหลากหลายทางความคิด เป็นต้น ทำให้บริษัทมีการบริหารจัดการที่รอบคอบและยั่งยืนมากขึ้น
ที่สุดแล้วแม้การเข้าตลาดหลักทรัพย์อาจเป็นทางเลือกที่ยากสำหรับธุรกิจครอบครัว แต่หากมีการเตรียมการที่ดีและสามารถรักษาการควบคุมได้อย่างรอบคอบ ครอบครัวก็จะสามารถผสานความสำเร็จระยะยาวของธุรกิจกับการเติบโตในฐานะบริษัทมหาชนได้อย่างยั่งยืน
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,038 วันที่ 24 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567