ติดหล่มล็อกดาวน์มาพักใหญ่ ถึงเวลาออกไปหา วิตามินSEA หลังจากโหยหา ไอแดด ลมทะเล จนตัวซีด มานานหลายเดือน ทริปแรกปักหมุด “เที่ยวสมุย” เลยจ๊ะ เพราะหลังโควิด เห็นว่าเต่าทะเล ขึ้นมาวางไข่เพียบ ธรรมชาติฟื้นตัว ว๊าวๆไฮไลท์ใหม่ ที่ตอนนี้เราไม่ต้องไปดู “หมูทะเล” กันที่ เกาะหมู ประเทศบาฮามาส ก็ได้ ไปสมุย ก็เห็นน้องหมูน่ารักไม่แพ้กัน ใครยังไม่ได้ไป ถือว่าเอ้าท์สุดๆ
แต่ยุคนี้ต้องเที่ยวแบบคุ้มค่าสักหน่อย คุมงบไม่ให้บานปลาย เลยเลือกขับรถ ต่อเรือเฟอร์รี่ ข้ามไปเกาะสมุย ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึง แนะนำว่าเพื่อไม่ให้หงุดหงิดในการรอคิวยาวเหยียด ควรจองล่วงหน้ามาก่อน มาถึงท่าเรือจะได้เข้าคิวที่ช่องฟาสแทร็กซ์ รอเวลาเรือเฟอร์รี่เทียบท่า
เราใช้เวลาบนเกาะสมุย 4 วัน 3 คืน ดื่มด่ำ 2 บรรยากาศทะเลที่ดูแตกต่าง จากการไปพัก ในโซนฝั่งด้านเหนือของเกาะ และด้านใต้ของเกาะ เริ่มจาก ด้านเหนือเกาะสมุย โดยเราเช็คอินกันที่ “ อนันตรา บ่อผุด เกาะสมุย” รีสอร์ทสไตล์สถาปัตยกรรมไทยภาคใต้ร่วมสมัย ออกแบบโดย “บิลล์ เบนส์ลีย์” นักออกแบบผู้มีชื่อเสียงระดับโลก
รีสอร์ทแห่งนี้มีทั้งหมด 106 ห้อง ใน 8 รูมไทร์ ไล่ไปตั้งแต่ห้องพรีเมียร์ ห้องดีลักซ์ ไปจนถึงบีชฟรอนท์ พูลสวีท ที่นี่แม้จะถูกออกแบบโดยนักออกแบบระดับโลก แต่ก็ไม่ได้ดูเว่อร์วัง
ตรงกันข้ามกลับดูเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ เราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น กลิ่นอายความเป็นไทยและเอกลักษณ์ของความเป็นเกาะสมุย ซึ่งอาจจะมาจากแลนด์สเคปของรีสอร์ท ที่ดีไซน์ออกมารู้สึกโปร่งโล่งสบาย มีลมหมุนเวียนอยู่ตลอด
การตกแต่งภายในรีสอร์ท เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ชอบมากกับการนั่งอยู่ริมระเบียงห้องพัก แล้วมองออกไป เห็นพื้นที่สีเขียว ทำเรารู้สึกผ่อนคลายไปกับสวนสวยเขียวขจี และบ่อบัวขนาดใหญ่ ที่โอบล้อมอยู่ ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นวิวสวน
แต่ใครชอบซีวิว ต้องรีเควสห้องสวีท วิวทะเล ขณะที่ห้องพักสุดหรูของที่นี่จะเป็น อนันตรา บีชฟรอนท์ พูลสวีท ที่มาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว
อีกเอกลักษณ์ของที่นี่ คือ กิมมิกของการนำสัญลักษณ์ของเกาะสมุย มาตกแต่งทั้งในจุดต่างๆรอบรีสอร์ท สร้างรอยยิ้มให้เรารู้สึกได้ถึงความน่ารักของเจ้าลิงน้อย-ใหญ่
แม้แต่สระว่ายน้ำรูปทรงฟรีฟอร์ม ขนาดใหญ่ ยาวกว่า 30 เมตร ขนานกับหาดบ่อผุด ไม่เพียงให้ความรู้สึกเสมือนเชื่อมต่อกันระหว่างผืนน้ำกับท้องทะเล แต่รอบสระน้ำ ยังรอบล้อมไปด้วยรูปปั้นลิง หลากหลายท่าทาง ชวนน่าขัน และดูผ่อนคลาย
มาทะเลทั้งที จะให้จับเจ่าอยู่ในห้อง ก็คงไม่ใช่ ขอไปจิบเครื่องดื่มนั่งชิลล์ดูทะเล เวิร์คอ่ะ บาร์นั่งริมทะเล ณ “โอเชี่ยน เอจ” ยึด บีนแบ็ก สีสด นอนทอดกายสบายใจเฉิบ
รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเล่นทะเลกัน หน้าหาดของรีสอร์ท กว้างใหญ่ทอดยาว เล่นน้ำเพลิดเพลินใจกันเลย
อีกจุดเด่นของรีสอร์ทแห่งนี้ ที่เป็นจุดมาร์กช็อต ที่ต้องไปเยือน คือ “อนันตรา สปา” ตัวสปาโดดเด่นด้วยโทนสีแดงม่วง โอบล้อมไว้ด้วยกำแพงศิลาสูงกว่า 5 เมตร ท่ามกลางต้นไม้เก่าแก่ ที่แผ่ขยายร่มเงาพันธุ์ไม้ ปกคลุมรอบพื้นที่กว่า 3,100 ตารางเมตร
ถ้ามีโอกาสลองไปทำทรีตเม้นท์ดู หรือจะเดินไปถ่ายรูป ก็ได้ภาพสวยๆหลายภาพอยู่
เราใช้เวลาพักอยู่ที่นี่ 2 คืน รวมอาหารเช้า ที่ “ห้องอาหารไฮไทด์” ซึ่งในช่วงโควิด-19 การให้บริการอาหารอาจจะไม่ได้จัดเต็มไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้านานาชาติ แต่จะมีเมนู Main Course มาให้เลือกสั่งตามชอบ เลือกทานได้ไม่อั้น
ทั้งอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน ยุโรป ไปจนถึงสไตล์อาเซียน อย่างก๋วยเตี๋ยว ส่วนในไลน์บุฟเฟ่ต์ ก็จะมีมุมขนมปังนานาชาติ ของหวาน ผลไม้ ไว้ให้เราเดินไปเลือกตักทานกันเองได้
ช่วงนี้โรงแรม เข้าร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" สทนราคาเรารับได้เลย เข้าไปส่องรายละเอียดกันได้ที่ https://www.anantara.com/th/bophut-koh-samui ขณะที่สีสันของการพักผ่อนด้านเหนือเกาะของสมุย ดูมีสีสันคึกคัก เพราะอนันตรา บ่อพุด อยู่ใกล้กับ “ฟิชเชอร์แมน วิลเลจ” แหล่งท่องเที่ยวที่ช้อป แหล่งกิน ในหมู่บ้านชาวประมง
เลยไปไม่ไกล ก็ไปเที่ยว “เซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย” กันที่แถวหาดเฉวง บรรยากาศที่นี่ คนละฟิลลิ่งกับเซ็นทรัล เฟสติวัล ที่อื่น เพราะนอกจากการตกแต่งเก๋ดี ให้ความรู้สึกความเป็นรีสอร์ท มอลล์ กลิ่นอายภาคใต้ การจัดวางโซนช้อปปิ้งก็เดินแล้วชิลล์เลย
ไหนๆมาแถวนี้แล้ว ต้องแวะไปสักการะบูชา "เจ้าแม่กวนอิมพันมือ" สูง 20 เมตร ประดิษฐานอยู่กลางน้ำ ณ วัดแหลมสุวรรณาราม (วัดปลายแหลม) ซึ่งอยู่ระหว่างวัดพระใหญ่ และหาดเชิงมน http://www.kohsamuicity.go.th/travel/detail/1381
หรือจะขับรถไปเที่ยว “หินตาหินยาย” แหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดละไม ซึ่งเป็นหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ ซึ่งมองไปทางด้านขวามือ จะเห็น "หินตา"รูปลักษณ์เหมือนอวัยวะเพศชายที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล สายลมและแสงแดดมาเป็นเวลานาน
ถ้ามองไปด้านซ้ายมือ จะเป็น "หินยาย" รูปลักษณะเหมือนอวัยวะเพศหญิง อันเกิดจากการผุกร่อนของหน้าผาชายฝั่งทะเลที่ถูกคลื่นกัดเซาะเป็นระยะเวลานาน
ไม่เพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น หินตา-หินยาย ยังมีตำนานท้องถิ่นเล่ากันมานานมาแล้ว มีตายายคู่หนึ่ง ชื่อ ตาเครง และ ยายเรียม เป็นชาวปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางโดยเรือใบเพื่อไปสู่ขอลูกสาวของตาม่องล่ายที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้กับลูกชาย
ครั้นเรือแล่นมาถึงบริเวณแหลมละไม เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือล่ม ทั้งตาและยายได้อธิษฐานว่าขอให้เกิดเป็นสัญลักษณ์ให้ตาม่องล่ายได้ทราบว่าตน ได้เดินทางมาแล้ว มิได้ผิดคำสัญญาแต่ประการใด แล้วทั้งตาและยายก็เสียชีวิตลงและคลื่นได้ซัดร่างขึ้นมาเกยชายหาด กลายเป็นหินตาและหินยายอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ฟินกับการเที่ยวในโซนนี้จนเต็มอิ่ม จุดปักหมุดต่อไปในคืนที่ 3 เราเลือกไปเที่ยวฝั่งด้านใต้ของเกาะสมุยต่อกัน แล้วนั่งเรือไปหา หมูทะเล ใน Episode หน้ากันน๊า
คอลัมภ์ : ดีแต่เที่ยว (เช็คที่กิน ฟินเรื่องเที่ยว)
BY ธนวรรณ วินัยเสถียร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ไมเนอร์” นำโรงแรมเครืออนันตรา- อวานี เข้าร่วม “เราเที่ยวด้วยกัน”
‘เราเที่ยวด้วยกัน ’อนันตรา เปิดดีล 5 ประสบการณ์พักโรงแรมหรูเหนือจรดใต้