ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานยอดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในวันที่ 9 มิ.ย.64 มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด 336,674 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 293,719 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 42,955 ราย รวม 3 วัน ( 7-9 มิ.ย.64) ตั้งแต่มีการปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ สามารถฉีดวัคซีนไปได้ 1,225,649 โดส
แยกเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 1,111,050 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 114,599 ราย และหากรวมตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 - 9 มิ.ย.64 มียอดฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 5,443,743 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 3,966,091 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 1,477,652 ล้านราย
ในพื้นที่กทม.ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มยอดผู้ติดเชื้อสูงสุด ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2564 มียอดผู้รับวัคซีนเพิ่ม 66,248 โดส ยอดผู้รับวัคซีนสะสม 1,315,405 โดส และในวันที่ 7 - 9 มิ.ย. 64 มีผู้ได้รับวัคซีนจำนวน 41,572 คน พิจารณาจากความสามารถในการระดมฉีดวัคซีน ถือว่าทำได้ดีพอสมควรกับ 3 วันแรกของการปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ขึ้นอยู่กับปัจจัยการจัดหาวัคซีนว่ามาตามนัดได้ทั้งหมดหรือไม่ หรือต้องเลื่อนออกไป ที่อาจทำให้เป้าหมายของการฉีดวัคซีนเมื่อถึงปลายปีไม่บรรลุผล
อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้ทลายกำแพงการจัดหาวัคซีน โดยเปิดทางให้หน่วยงานรัฐ อันประกอบไปด้วย กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สามารถติดต่อจัดหา เจรจาจัดซื้อได้ เพิ่มขึ้นจากเดิม และในภาพรวมรัฐบาลได้เซ็นสัญญาจัดหาวัคซีนเพิ่มจากไฟเซอร์ 20 ล้านโดส โมเดอร์นา 10 ล้านโดส จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส รอระยะเวลาในการส่งเข้ามาเท่านั้น นอกเหนือจากวัคซีนหลักแอสตร้าเซนเนก้า ที่ดำเนินการแล้ว และทยอยส่งมอบเป็นล็อตๆ และวัคซีนซิโนแวคที่มีการสั่งเพิ่มขึ้นและทยอยส่งเข้ามา ประกอบกับแผนการเตรียมความพร้อมของทั้งรพ.รัฐและเอกชนในการเตรียมบุคลากรทำให้แผนวัคซีนแห่งชาติระยะแรกเดินไปโดยไม่สะดุด
เมื่อแผนวัคซีนระยะแรก สามารถทำได้ตามเป้า เราเห็นว่ารัฐบาลควรพิจารณาปรับเปลี่ยนไทม์ไลน์ ในการปลดล็อกหรือหรือหันมาพิจารณาการเปิดเศรษฐกิจ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเรียน การสอนของเด็กนักเรียน นักศึกษา โดยอาจทยอยผ่อนคลายเป็นระยะๆด้วยการพิจารณายอดผู้ติดเชื้อรายวัน ควบคู่กับจำนวนการฉีดวัคซีนเป็นองค์ประกอบ
ที่ผ่านมาผลพวงจากการล็อกดาวน์บางส่วน โดยเฉพาะหลังการระบาดระลอก 3 นี้ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจขนาดกลาง-ย่อมหรือเอสเอ็มอี ที่ทยอยปิดกิจการจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลทราบปัญหานี้เป็นอย่างดีแล้ว ฉะนั้นการกลับมาเริ่มต้นฟื้นฟูธุรกิจ โดยเฉพาะรายเล็กรายน้อย ห้องเช่า ห้องแถว ให้กลับมาตั้งหลักได้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องทำโดยเร็ว ควบคู่กับการระดมฉีดวัคซีน