สำนักงานด้านสุขภาพของเดนมาร์ก ได้ตัดสินใจ ยกเลิกการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ในโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศ แม้ว่าวัคซีนดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติใช้โดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารและยาของหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และไทย
"เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันในเดนมาร์ก สิ่งที่เราสูญเสียไปในความพยายามที่จะป้องกันการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจากโรคโควิด-19 นั้น เทียบไม่ได้กับความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการอุดตันของลิ่มเลือดอย่างรุนแรงในผู้ที่เราฉีดวัคซีนให้" นางเฮลีน พร็อบส์ รองผู้อำนวยการสำนักงานด้านสุขภาพของเดนมาร์กเปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.)
"ท่ามกลางการแพร่ระบาด นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่เราต้องยุติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ไปก่อนหน้านี้ด้วย"
สำนักงานด้านสุขภาพของเดนมาร์กได้ตัดสินใจยกเลิกการใช้วัคซีนของ J&J เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ประโยชน์ของวัคซีนนั้น ไม่ได้มากไปกว่าความเสี่ยงที่มี หลังจากที่สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) สรุปว่า มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างกรณีลิ่มเลือดอุดตันที่รุนแรงแม้ไม่พบบ่อย (ภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากการสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนหรือ VITT) กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ J&J
การตัดสินใจดังกล่าวจะมีผลกระทบกับกลุ่มประชาชนของเดนมาร์กที่มีอายุ 20-39 ปี ซึ่งจะเผชิญกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีนประมาณ 4 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม สำนักงานด้านสุขภาพของเดนมาร์กระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่า วัคซีนของ J&J อาจจะถูกนำกลับมาใช้ในภายหลัง
ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุว่า อาจมีความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้น หรือสถานการณ์ในเดนมาร์กอาจเปลี่ยนแปลงไป อาทิ ในแง่ของความกดดันของการติดเชื้อ ภาระของโรค การควบคุมการแพร่ระบาด หรือความพร้อมของวัคซีนตัวอื่นๆ ซึ่งอาจจะทำให้มีการพิจารณานำวัคซีนของ J&J กลับมาใช้ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง