ความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนชาวอังกฤษ แบบปูพรมฉีดให้ได้มากที่สุด จนขณะนี้ฉีดครบโดสไปแล้วกว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้เห็นเป็นรูปธรรมเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อ อังกฤษไม่มียอดผู้เสียชีวิตจากโควิดในรอบ 24 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา นับเป็นความสำเร็จที่ต้องยกเครดิตให้กับ มาตรการล็อกดาวน์ อย่างเข้มข้นที่รัฐบาลอังกฤษนำมาใช้แบบยอมเจ็บเพื่อให้จบเร็ว และ การเร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้ประชาชนมี ภูมิต้านทานโควิด-19
ข้อมูลของทางการชี้ว่า ประชากรมากกว่า 1 ใน 4 ของอังกฤษได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสแล้ว และมากกว่าครึ่งได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนความสำเร็จเมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.)ว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือนที่อังกฤษไม่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมยืนอยู่ที่ 112,245 รายนับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงเฉพาะในเกาะอังกฤษเท่านั้น แต่ทั้งสกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ ก็ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มเติมเช่นกัน มีแต่เวลส์ที่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 4 รายเมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.)
เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จึงได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และลดระดับการเตือนภัย จากเดิมที่เคยเตือนภัยในระดับ 4 ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไม่อยู่ในระดับสูงหรือไม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นมากอีกต่อไป (แต่ก็ยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่)
ที่สำคัญคือ ความคืบหน้าดังกล่าวทำให้อังกฤษเริ่มกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงระดับปกติได้มากขึ้น โดยคาดว่าเร็ว ๆนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีน่าจะประกาศยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับการชุมนุม และอนุญาตให้สมาชิกครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหาย สามารถชุมนุมหรือรวมตัวกันในอาคาร อาทิ ร้านอาหารและผับบาร์ เริ่มมีผลในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ยังคาดว่าโรงภาพยนตร์ โรงละคร และพิพิธภัณฑ์ จะกลับมาเปิดได้อีกครั้งเช่นกัน
ย้อนกลับไปดูสถานการณ์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อังกฤษอยู่ในช่วงวิกฤตโควิดโดยยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งขึ้นแตะระดับ 70,000 รายต่อวัน แต่เมื่อรัฐเอาจริงเอาจังกับโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้กับประชาชน (ซึ่งวัคซีนตัวหลักคือ แอสตร้าเซนเนก้า) ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันล่าสุดต้นสัปดาห์นี้ (10 พ.ค.) ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับไม่ถึง 2,000 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ นับเป็นข่าวดีและอาจจะเป็นกรณีศึกษาหรือต้นแบบสำหรับประเทศอื่น ๆ ที่หลายประเทศซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกินกว่าครึ่งหรือราว ๆนั้น เช่น อิสราเอล และสิงคโปร์ ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์เชิงบวกเช่นเดียวกับอังกฤษ และเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ ลงเช่นกันเพื่อให้สังคมและระบบเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
หันมองไทย ฉีดวัคซีนแล้วเฉลี่ย 2.06% ของประชากร
สำหรับประเทศไทย รัฐบาลมีความพยายามเร่งปูพรมฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดเช่นกัน โดยไทยใช้วัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก แต่อัตราการฉีดถือว่ายังน้อยมากหากจะเทียบกับนานาประเทศ
จากข้อมูล ณ วันที่ 11 พ.ค. 2564 ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว จำนวน 1,898,454 โดส มีผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็มจำนวน 1,365,992 คน หรือเท่ากับ 2.06% ของประชากร และฉีดครบสองเข็มแล้วถึง 532,462 คน หรือเท่ากับ 0.80% ของประชากร (ข้อมูลจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.) เรียกว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่ความหวังก็มีมากขึ้นเช่นกันจากจำนวนวัคซีนที่รัฐจัดหาได้เพิ่มขึ้น และการเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้สะดวกมากขึ้น เช่นโครงการวอล์คอินเข้ารับการฉีดวัคซีนที่คาดว่าจะเริ่มขึ้นได้ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
ข้อมูลอ้างอิง
England Reports Zero New Coronavirus Deaths For First Time In 14 Months
ข่าวที่เกี่ยวข้อง