แถลงการณ์ของ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า การอนุมัติดังกล่าวจะเปิดทางให้บริษัทด้านสุขภาพในภาคเอกชนของสิงคโปร์สามารถนำ วัคซีนซิโนแวค ไปใช้ป้องกัน โรคติดเชื้อโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉิน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการอนุมัติใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค และวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา
ซิโนแวค จึงเป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวที่สามที่ได้รับการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วในประเทศสิงคโปร์
ที่ผ่านมานั้น สิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียที่มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยล่าสุดสิงคโปร์มีแผนจะฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มนักเรียน จากนั้นจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนทั่วไป โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยผลักดันแผนการฉีดวัคซีนในประเทศให้มีความคืบหน้ามากขึ้น
ปัจจุบัน รัฐบาลสิงคโปร์ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยจะจัดสรรให้กับเจ้าหน้าที่กลุ่มที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้นๆก่อน เช่น บุคลากรด่านหน้า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่สนามบิน โดยนับจนถึงขณะนี้ สิงคโปร์ได้ฉีดวัคซีนโดสแรกให้กับประชาชนไปแล้วประมาณ 40% ของจำนวนประชากรในประเทศ
ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งอีกหลายประเทศของเอเชียที่สามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ แต่ยังลังเลที่จะเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยสิงคโปร์ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มในพื้นที่ชายแดน ระงับการรับประทานอาหารแบบพบปะกัน ปรับระบบการเรียนการสอนไปเป็นการเรียนที่บ้าน และจำกัดจำนวนการรวมกลุ่มของประชาชนเอาไว้สูงสุดเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตโดยบริษัทซิโนแวค ไบโอเทคของจีนในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งนับเป็นวัคซีนโควิดตัวที่ 2 ของจีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO ต่อจากวัคซีนโควิดของบริษัท ซิโนฟาร์ม (Sinopharm)
นอกจากนี้ WHO ยังอนุมัติให้รวมวัคซีนโควิดของซิโนแวคในโครงการ COVAX ของ WHO ด้วย โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการระดับโลกในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประเทศยากจนหรือประเทศกำลังพัฒนา ที่ส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับปัญหาในการจัดหาวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอมาฉีดให้กับประชาชน หลังจากที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกวัคซีน ได้ระงับการส่งออกวัคซีนเพื่อสงวนไว้ใช้รับมือวิกฤตโควิดภายในประเทศอินเดียเอง
คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอิสระของ WHO ระบุในแถลงการณ์ว่า คณะกรรมการได้แนะนำให้ใช้วัคซีนโควิดของซิโนแวคสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป และการฉีด 2 โดสนั้นให้เว้นระยะเวลาห่างกันราว 2-4 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม WHO ไม่ได้จำกัดอายุสูงสุด สำหรับผู้ฉีดวัคซีนของซิโนแวค เนื่องจากข้อมูลบ่งชี้ให้เห็นว่า มีแนวโน้มที่วัคซีนดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ในผู้สูงอายุด้วย
ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 6 ตัวในรายการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน หรือ Emergency Use Listing (EUL) ของ WHO ประกอบด้วยวัคซีนจากไฟเซอร์-บิออนเทค, แอสตร้าเซนเนก้า, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, โมเดอร์นา, ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง