นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2564 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 570 ราย เงินลงทุนรวม 82,501 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทย 5,450 คน
โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) รวมถึงสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
เช่น บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบระบบ รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ การฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้องกับระบบต่าง ๆ สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน , ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม วางระบบ และทดสอบเครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับโครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าอัจฉริยะระหว่างประเทศ , ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล , บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center: IBC) ให้แก่บริษัทในเครือในต่างประเทศ , เป็นต้น
โดยนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย อันดับที่ 1 ญี่ปุ่น 163 ราย คิดเป็น 28.6% เงินลงทุน 23,260 ล้านบาท 2.สหรัฐฯ 88 ราย คิดเป็น 15.4% เงินลงทุน 5,948 ล้านบาท 3.สิงคโปร์ 86 ราย คิดเป็น 15.1% เงินลงทุน 10,530 ล้านบาท 4.ฮ่องกง 41 ราย คิดเป็น 7.2% เงินลงทุน 19,555 ล้านบาท 5.จีน 29 ราย คิดเป็น 5.1% เงินลงทุน 3,748 ล้านบาท 6.เนเธอร์แลนด์ 18 ราย คิดเป็น 3.2% เงินลงทุน 3,063 ล้านบาท 7.เยอรมนี 16 ราย คิดเป็น 2% เงินลงทุน 695 ล้านบาท 8.ฝรั่งเศส 15 ราย คิดเป็น 2.6% เงินลงทุน 1,127 ล้านบาท 9.เกาหลี 14 ราย คิดเป็น 2.5% เงินลงทุน 847 ล้านบาท และ 10.สหราชอาณาจักร 9 ราย คิดเป็น 1.5% เงินลงทุน 636 ล้านบาท และประเทศอื่น 91 ราย คิดเป็น 16.0% เงินลงทุน 13,093 ล้านบาท
ทั้งนี้จากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ผนวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ จีน และยุโรป ที่เศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19
“ การลงทุนจากต่างประเทศ น่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นสัญญาณจากการลงทุนของบริษัทไทยและต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในลักษณะที่เป็นการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทไทย ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น และถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น”