รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล กรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ และรองประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.นน น. ที่ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. หรือ “บิ๊กโจ๊ก" ในฐานะประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง IUU เป็นประธานในการเปิดปฏิบัติการการตรวจเครื่องมือประมงแบบบูรณาการ
เพื่อประกอบการออกใบอนุญาตประมงพาณิชย์ รอบปี 2565 - 2567 โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมประกอบด้วย กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 กำหนดให้เรือประมงพาณิชย์ที่จะออกทำการประมงต้องได้ใบอนุญาตจากกรมประมง คราวละ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31 มีนาคม
โดยได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมา 3 ครั้งแล้ว ได้แก่ ช่วงปี 2559 – 2561 ช่วงปี 2561 – 2563 และช่วงปี 2563 - 2565 โดยที่ใบอนุญาตทำการประมงกำลังจะสิ้นสุดอายุลงในวันที่ 31 มีนาคม 2565 เจ้าของเรือประมงพาณิชย์จึงต้องยื่น ขอใบอนุญาตรอบใหม่ (2565 – 2567) ซึ่งกรมประมงจะต้องออกใบอนุญาตให้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565 ในการยื่นขอใบอนุญาตทำการประมงดังกล่าว
ปกติกรมประมงจะดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานเครื่องมือประมงและจัดเก็บข้อมูลเรือประมงทุกลำ แต่ยังมีข้อมูลบางประการที่ต้องการความรู้ ความชำนาญ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มาร่วมเติมเต็มให้ระบบตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นในการขอรับใบอนุญาตทำการประมงของเรือประมงพาณิชย์ครั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. จึงได้ประสานงานให้บูรณาการการตรวจเรือประมงพาณิชย์จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งระบบ ครบวงจร
โดยกรมประมงรับผิดชอบการตรวจมาตรฐานเครื่องมือประมง กรมเจ้าท่ารับผิดชอบการตรวจอัตลักษณ์เรือประมง และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานรับผิดชอบการตรวจเรือประมงเพื่อส่งเสริมให้แรงงานบนเรือประมงมีสภาพการทำงานที่สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ยังได้จัดชุดปฏิบัติการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วย “IUU Hunter” เข้าร่วมการตรวจเรือประมงในครั้งนี้ด้วย
เพื่อยกระดับการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (Monitoring Control and Surveillance : MCS) ให้การประมงไทย ปราศจากการประมง IUU ปราศจากแรงงานบังคับ ปราศจากการค้ามนุษย์ อย่างแท้จริง โดยดำเนินการตรวจเรือประมงพาณิชย์ 10,000 ลำ ที่จะขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2565 นี้ ซึ่งพี่น้องชาวเรือประมงพาณิชย์ทุกท่านสามารถนัดหมายการตรวจได้ที่ ศูนย์แจ้งเข้าออกเรือประมง (PIPO) หรือสำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่ง
“การบูรณาการตรวจเรือประมงทั้งระบบครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการยกระดับประสิทธิภาพการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวังการทำประมง (MCS) ของประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่บทบาท “ผู้นำการต่อต้านประมง IUU ในภูมิภาคอาเซียน” นอกจากนั้นยังเป็นการขับเคลื่อนให้เห็นถึงความพยายามของประเทศไทยอย่างเต็มที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ปรับปรุงระบบการทำงาน เพิ่มพูนความรู้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ และประสานความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมง เพื่อเลื่อนอันดับการค้ามนุษย์จาก Tier 2 Watchlist เป็น Tier 2”
รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล กล่าวว่า การจัดกำลังชุดปฏิบัติการ IUU Hunter จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนกว่า 100 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการตรวจครั้งนี้ด้วย เจ้าหน้าที่ชุด IUU Hunter จะลงพื้นที่ทุกจุดตรวจใน 22 จังหวัดชายทะเล ร่วมกับ กรมประมง กรมเจ้าท่า และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และจากการที่ผมกำลังรื้อฟื้น สืบสวนสอบสวน ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีลูกเรือประมงตกน้ำสูญหาย 231 ราย ในรอบ 2 ปี ซึ่งเป็นที่จับตามองของภาคประชาสังคม เพื่อทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ความสูญเสียที่ผ่านมา
ทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ครั้งนี้จึงได้จัดให้มีการตรวจเพื่อส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัย และอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานบนเรือประมง ขึ้นเป็นครั้งแรกของภูมิภาคอาเซียน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศไทยที่จะแก้ไขปัญหา และกำหนดมาตรการส่งเสริม ป้องกัน มิให้เกิดเหตุขึ้นต่อไปในอนาคต แต่หากมีเหตุเกิดขึ้น การบังคับใช้กฎหมายจะมีความเป็นระบบ ชัดเจน สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งเพิ่มความรวดเร็วในการเยียวยาความเสียหายให้กับครอบครัวหรือญาติมิตร ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งมั่นใจว่านี่คือการทำงานอย่างมาตรฐานสากลในการตรวจครั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคน อำนวยความสะดวก ให้กับพี่น้องชาวประมง ดำเนินการตรวจให้รวดเร็ว คล่องแคล่ว ว่องไว
เรือที่ผ่านการตรวจจะได้รับเครื่องหมายติดไว้บริเวณหน้าเก๋ง เป็นสัญลักษณ์ว่า เรือประมงลำนี้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะทำการประมงอย่างยั่งยืน สามารถเข้าถึงนโยบายการสนับสนุนต่างๆ จากภาครัฐที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต