นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala วันนี้ (28 มี.ค.) เรื่อง “เฝ้าระวังมหาวิกฤตเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นบทความชิ้นที่ 37 มีรายละเอียดน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตาม วิกฤตยูเครน โดยเนื้อหาตอนนี้จะชี้ให้เห็นถึง 2 ประเทศอำนาจ "สหรัฐ" กับการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธและ"รัสเซีย"ที่ใช้ก๊าซ เป็นอาวุธโต้ตอบ
“เฝ้าระวังมหาวิกฤตเศรษฐกิจ” บทความที่ 37
สหรัฐใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ ทำให้ทุกประเทศตระหนักว่า ดอลลาร์มีความเสี่ยง
หนึ่ง สหรัฐสอดแนมได้ 100% แบบ 24/7 เพราะ final settlement เกิดขึ้นผ่านธนาคารในนิวยอร์ค
สอง สหรัฐปิดไม่ให้ประเทศปรปักษ์ใช้ระบบ dollar settlement ได้ แม้ในการค้าขายกับประเทศที่สาม
นอกจากนี้ ถ้ามีบริษัทไม่ว่าของประเทศใด อ้อมหลังไปทำธุรกิจกับประเทศปรปักษ์ ถ้าหากใช้ระบบ dollar settlement สหรัฐก็สามารถสอดแนมลงโทษได้ 100%
สาม สหรัฐยึดทรัพย์สินได้ตามอำเภอใจ
ดังนั้น ต่อไปนี้ ประเทศต่างๆ จึงจะคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อหลบออกไปจากกงเล็บของพญาอินทรี และบัดนี้ก็เห็นแล้วว่า แม้แต่ยูโรและเยน ก็ไม่ปลอดภัย
ก้าวแรก ซาอุดิอาระเบียจะขายน้ำมันให้กับจีน โดยรับชำระเป็นสกุลหยวน
ช่วงต้นทศวรรษ 1970s สหรัฐกล่อมตะวันออกกลางให้ขายน้ำมันเป็นสกุลดอลลาร์ ทำให้ดอลลาร์กลายเป็นแหล่งลงทุนหลักสำหรับทุนสำรอง
สหรัฐได้ประโยชน์ เพราะผู้ที่ได้รับ Petrodollar ก็จะเอาไปซื้อพันธบัตรสหรัฐ เป็นการช่วย finance ขาดดุลการค้า
แต่สมัยนี้ ซาอุฯ ต้องระวังตัว ความสัมพันธ์ไม่แน่นแฟ้นเหมือนทรัมป์ เพราะ ไบเดน จี้จุดฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในสถานฑูดซาอุฯ ในตุรกี (รูป 5)
และบุคคลชั้นนำในตะวันออกกลาง มีการลงทุนในทรัพย์สินสหรัฐและยุโรปมากมาย
ดังนั้น ประเทศต่างๆ จึงย่อมเริ่มมองหาทางเลือกอื่นแทนดอลลาร์
รูป 1-3 ของ Visualcapitalist แสดงภาพย้อนไปปี 1945 หลัง WW2 ขณะนั้นสกุลอันดับหนึ่งยังเป็นปอนด์ 79.6% หลังจากนั้นเริ่มเปลี่ยน
ในปี 1973 ยุคเริ่มต้น Petrodollar ดอลลาร์แซงขึ้นมาเป็น 84.7% ในปี 2020 ดอลลาร์อยู่ที่ 59.0% โดยมียูโรแทรกเข้ามา 21.2%
แต่น่าเสียดาย สกุลหยวนไม่สามารถแทนดอลลาร์ได้ เพราะรัฐบาลจีนยังไม่เปิดเงินทุนเสรี
รูป 4 ทุนสำรองของโลกที่ลงทุนในหยวนมีสัดส่วนเพียง 2.5% เท่านั้น เป็นอันดับห้า ตามหลังดอลลาร์ ยูโร เยน และปอนด์
ถามว่า ทางเลือกแทนดอลลาร์มีอย่างไร? ต้องแบ่ง 3 เรื่อง
- หนึ่ง Trade settlement
- สอง Capital market settlement
- สาม Store of value
Trade settlement มีทางเลือกโดยชำระเงินจับคู่สองประเทศ แบบซาอุฯ กับจีน หรือรัสเซียกับจีน หรือต่อไป อาจจะขยายเป็นหลายประเทศ โดยใช้เงินคริบโทที่สหรัฐเอื้อมไม่ถึง
Capital market settlement ยังไม่มีทางเลือก จนกว่าระบบเงินคริบโทขยายตัวมากพอ
Store of value ทางเลือกหลักคือทองคำ(ที่ไม่ฝากไว้กับตะวันตก) ต่อไปอาจขยายไปถึงเงินคริปโท
สรุปแล้ว ต่อไปนี้ จะมีประเทศที่เหยียบเรือสองแคมมากขึ้น อะไรที่หลบไม่พ้น ก็ถูไถใช้ดอลลาร์ต่อไป อะไรที่สำคัญยิ่งยวด ก็ศึกษาใช้ทางเลือกอื่นแทน
ถามว่า ในเมื่อสหรัฐใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ รัสเซียใช้ก๊าซเป็นอาวุธตอบโต้ได้บ้างหรือไม่?
รูป 6 กาตาร์อธิบายชัดแจ้งว่า ไม่มีทางที่ยุโรปจะหาแหล่งก๊าซทดแทนรัสเซียได้ เพราะปริมาณใหญ่มาก ยุโรปใช้ก๊าซรัสเซียอยู่ 40%
ถ้าจะขนก๊าซธรรมชาติเหลวไปแทน ยุโรปก็ยังจะต้องสร้างโรงงานอีกจำนวนมาก ที่จะแปลงสภาพก๊าซ ให้เป็นใอ ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี
เยอรมนีเองก็เหมือนคนหัวขาด เพราะพึ่งก๊าซรัสเซียมากถึงครึ่งหนึ่ง และไม่ได้สร้างท่าเรือ เพื่อรองรับเรือบรรทุกก๊าซเอาไว้เลย
อียูก็ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงพยายามแก้ไข
โดยประกาศว่า จะทุ่มซื้อก๊าซรัสเซียใส่ถังเก็บให้เต็มที่ภายในเดือน ก.ย. ปีนี้
(รูป 7) และจะควานหาแหล่งใหม่ พร้อมทั้งจะเอามูลสัตว์มาผลิตก๊าซมีเทน (รูป 8 ) ฯลฯ
แต่มาตรการเหล่านี้ จะแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อย
ไม่น่าเชื่อว่า ผู้นำยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนี เดินตามสหรัฐเต็มที่ ทั้งที่ยุโรปเป็นผู้ที่เดือดร้อน เป็นหนังหน้าไฟ
ไม่น่าเชื่อว่า ไม่เจรจากดดันให้ยูเครนคงสภาพเป็นกันชนอิสระ(โมเดลฟินแลนด์) ทั้งที่มีเวลานานในระหว่างที่รัสเซียสะสมกำลัง
การที่ผู้นำโลก ไม่เลือก common sense ไม่เลือกหาทางออกสันติ กลับเลือกให้ประชาชนของตนและประชาคมโลกเสี่ยง ทำให้นึกถึงยุโรปก่อน WW1
ราชวงศ์แต่ละประเทศ ถึงแม้สัมพันธ์ใกล้ชิดกัน แต่กลับเอาความขัดแย้งส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ไม่แคร์ประชาชนล้มตายมหาศาล สุดท้ายหลายราชวงศ์ก็ล่มไปด้วย
ถามว่า รัสเซียใช้ก๊าซเป็นอาวุธ เพื่อเอาทุนสำรองคืนได้ไหม?
ถ้าหากรัสเซียปิดจ๊อบสงครามด้านอาวุธได้ภายในเดือน เม.ย. ก็ให้จับตาเดือน ก.ค./ส.ค. เพราะยุโรปประกาศให้รัสเซียทราบล่วงหน้า จะเริ่มสะสมก๊าซเพื่อเอาไว้ใช้ในฤดูหนาว อันเป็นแผนการรบที่เปิดให้ศัตรูอ่านฟรี
เมื่อนั้น ถ้าหากรัสเซียเรียกให้ตะวันตกคืนทุนสำรอง 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยให้ส่งคืนในรูปทองคำ …
ถ้าไม่คืน ถ้ารัสเซียปิดท่อก๊าซ รัสเซียจะเสียรายได้
ในรูป 9 ก่อนสงคราม ยุโรปจ่ายให้รัสเซียเฉลี่ยวันละ 200 ล้านดอลลาร์ คร่าวๆ ปีละ 7-8 หมื่นล้าน
ก่อนสงคราม รัสเซียส่งออกทุกอย่างคร่าวๆ ปีละ 4 แสนล้าน ดังนั้น ถ้าไม่ขายก๊าซให้ยุโรป รัสเซียก็ยังส่งออกสินค้าอื่นได้คร่าวๆ 2-3 แสนล้าน พอจ่ายค่านำเข้า 2 แสนล้าน
เรียกว่า พอทนอยู่ได้ แบบรัดเข็มขัด ไม่มีแฟชั่นฝรั่งเศส กาแฟอิตาลี มือถือสหรัฐ!
แต่ในทางกลับกัน เศรษฐกิจยุโรปเสี่ยงจะตกต่ำถึงขั้น Depression เพราะจะต้องปันส่วนก๊าซหุงต้ม สลับเวลาจ่ายไฟฟ้า ใส่เสื้อโอเว่อร์โค๊ทตลอดวันตลอดคืน
ถึงตอนนั้น ทั้งยุโรปและสหรัฐอาจต้องเลือก ระหว่างยอมให้คนยุโรปเดือดร้อน หรือยอมเสียหน้า คืนทุนสำรอง