“วิริยะประกันภัย”ตอกย้ำความเป็นผู้นำประกันรถยนต์-Non-Motor ชูกลยุทธ์ปี2565 Data-Driven Innovationเข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย-พร้อมหนุนผู้ใช้รถยนต์EVพร้อมดูแลสุขภาพรถยนต์ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ/บริการลูกค้าทุกความคุ้มครองเฉพาะตัวตรงข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคลทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
นายอมร ทองธิว กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า -แผนการดำเนินงานในปี 2565 วิริยะประกันภัยจะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “Data-Driven Innovation : เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย” เป็นกลยุทธ์ที่เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองผู้เอาประกันภัยให้ทันต่อสถานการณ์ โดยการนำ Data-Driven Innovation มาใช้
“วิริยะประกันภัย เป็นบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 1 ของตลาด ก่อตั้งมากว่า 75 ปี มีลูกค้าประมาณ 8 ล้านกรมธรรม์ จึงสามารถนำข้อมูลมากมายที่เก็บสะสมมาตลอด เพื่อคำนวณและประมาณการหาความคุ้มครองที่เหมาะสมกับผู้เอาประกันภัยกลุ่มต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์ของเราครอบคลุมความคุ้มครองทั้งชีวอนามัยของคน ทรัพย์สิน และความรับผิด รวมถึงผู้บริโภคสามารถนำมาใช้บริหารความเสี่ยงมากกว่า 60 ผลิตภัณฑ์ ”
ด้านประกันภัยรถยนต์นั้น บริษัทฯ ได้พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลากหลายผลิตภัณฑ์ อาทิ
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 (2+, 3+) ระยะสั้น ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองแบบไม่เต็มปีได้, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 รวมความคุ้มครองความเสียหายต่อรถ กรณีรถชนรถฝ่ายถูก เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการทำประกันภัย ป.3 เป็นหลัก แต่ไม่ต้องการมีปัญหาในการจัดซ่อมรถ และติดตามเรียกร้องจากคู่กรณีหากถูกชน โดยบริษัทฯ จะเป็นคนดูแลการจัดซ่อมรถให้ลูกค้า และสวมสิทธิ์ไปเรียกร้องจากคู่กรณีเอง,
ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 (2+) ซ่อมห้าง เพื่อตอบสนองลูกค้าในช่วงโควิด ที่ยังเป็นรถใหม่ อายุไม่เกิน 5 ปี แต่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันจากประกันภัยประเภท 1 ทำประกันแบบ 2+ แทน และผลิตภัณฑ์เพื่อสนองรับความต้องการผู้คนในแต่ละภูมิภาคได้เป็นการเฉพาะ แตกต่างทั้งเงื่อนไขความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัย
นอกจากนี้ภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ ซึ่งคิดราคาเบี้ยตามพฤติกรรมการขับขี่หรือตามลักษณะการใช้รถ เพิ่มมาอีก 1-2 ผลิตภัณฑ์
ส่วนทางด้านประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพนั้น มุ่งตอบสนองความต้องการรายบุคคลหรือความคุ้มครองเฉพาะตัวและตรงข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล (Personalization)
นายอมรกล่าวยอมรับว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบต่างเจอโจทย์ที่ยาก เพราะต้องเผชิญกับอุบัติภัยใหม่ “โรคโควิด-19” ที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องมา แต่วิริยะประกันภัยก้าวผ่านโจทย์ที่ท้าทายได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง
เห็นได้จากการได้รับความไว้วางใจจากผู้เอาประกันภัย ทำให้วิริยะประกันภัยยังคงเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจประกันวินาศภัยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 30 โดยในปี 2564 วิริยะประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้นประมาณ 38,800 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 1.56%
แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 33,400 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 5,400 ล้านบาท และยังคงมีกำไรสุทธิประมาณ 500 ล้านบาท
“ สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดก็คือการบริหารจัดการการจ่ายสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด เจอ จ่าย จบ ซึ่งผู้เอาประกันภัยที่มาเปิดเคลมมีปริมาณมาก สามารถยื่นที่ศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนของบริษัทฯ ที่มีอยู่ทุกที่ทั่วไทย และมีระบบเทคโนโลยีเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว ตามกลยุทธ์ การยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลางให้บริการครบวงจรด้วยความยืดหยุ่น
ในปี 2565 แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แต่ วิริยะประกันภัยก็มีสินทรัพย์สภาพคล่องและเงินกองทุน เพียงพอที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรมธรรม์ประกันภัยโควิดทุกฉบับ ที่บริษัทฯ ได้ให้ความคุ้มครองไว้ ด้วยปรัชญาในการทำธุรกิจของเรา นั่นก็คือ ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” นายอมรกล่าว
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 วิริยะประกันภัยมีสินทรัพย์รวม 77,500 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสูงถึง 600.51% มีเงินกองทุนประมาณ 41,400 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย อยู่ในระดับสูงเกินกว่ามาตรฐานที่สำนักงานคปภ. กำหนดไว้ถึง 170%
ในปี 2565 แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แต่วิริยะประกันภัยได้มีการประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา และจากการประมาณการในสถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ วิริยะประกันภัยก็มีสินทรัพย์สภาพคล่องและเงินกองทุน เพียงพอที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรมธรรม์ประกันภัยโควิดทุกฉบับ ที่บริษัทฯ ได้ให้ความคุ้มครองไว้ ด้วยปรัชญาในการทำธุรกิจของเรา นั่นก็คือ ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” นายอมรกล่าว
นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการความสำเร็จในการให้บริการสินไหมทดแทนว่า ในปีที่ผ่านมาวิริยะประกันภัยได้ขยายศูนย์บริการสินไหมทดแทนออกไปมากมาย
ทั้งในศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมัน อาคารพาณิชย์ตามย่านชุมชน และย่านการจราจรหนาแน่นที่มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ ตลอดไปถึงการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้อย่างเช่น การบริการเคลมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือของลูกค้าเพียงเครื่องเดียว ด้วยระบบ VDO CALL ( VClaim on VCall)
“หัวใจสำคัญที่สุดของบริการสินไหมที่สร้างชื่อเสียงให้กับเรา คือ พนักงานสำรวจอุบัติเหตุ หรือพนักงานเคลมนั่นเอง ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำนำสมัยเพียงใด หัวใจของงานบริการก็ยังคงต้องพึ่งบุคลากรเป็นหลักสำคัญ โดยเฉพาะงานบริการสินไหม ณ จุดเกิดเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นสถานการณ์ยามคับขันที่ผู้เอาประกันภัยต้องการความมั่นใจในการดูแลของพนักงาน
นายสยมกล่าวต่อไปอีกว่า ในเรื่องของการใช้ Big Data มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสินไหมทดแทนเพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ไปด้วยกัน
ด้านศักยภาพและความพร้อมรองรับการรับประกันภัยที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) นั้น ปัจจุบันวิริยะประกันภัยรับประกันรถยนต์ EV อยู่แล้ว โดยข้อมูลรถยนต์ EV จดทะเบียนเดือน ก.พ. 65 เฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง มีจำนวน 5,400 คัน วิริยะประกันภัยรับประกันไว้ประมาณ 700 คัน (13%)
ซึ่งวิริยะประกันภัยเตรียมความพร้อมรองรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามาร่วม 4 ปี ตั้งแต่วิวัฒนาการมาจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายชั้นนำ ในการเติมเต็มการให้บริการผู้ใช้รถยนต์ EV อย่างครบวงจร
ด้วยการวางแผนจัดโครงสร้างเบี้ยประกัน จัดระบบสินไหมการซ่อม การจัดบริการอะไหล่ เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามั่นใจในการขับขี่ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสิ่งแวดล้อมสะอาดด้วยพลังงานไฟฟ้า
นายดลเดช สัจจวีระกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางพัฒนาช่องทางการขายนั้น ตัวแทนและนายหน้าประกันภัยที่มีอยู่ประมาณเกือบ 10,000 คน ยังเป็นช่องทางขายที่สำคัญของบริษัทฯ เพราะเบี้ยประกันภัยที่ได้รับมาทั้งหมดกว่า 50% ได้มาจากการทำงานอย่างหนักหน่วงของตัวแทนและนายหน้าประกันภัยมืออาชีพ
นายดลเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า ช่องทางการขายทั้งแบบออนไลน์และแบบออฟไลน์อื่น ๆ บริษัทฯ มีให้บริการอย่างครบครัน เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าตามวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นจุดบริการในห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่ที่ชอบการจับจ่ายใช้สอยต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า www.Viriyah.com และ Platform ออนไลน์ต่าง ๆ
สำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า ชาวดิจิทัล (Digital Native)
“ในปี 2565 นี้ เพื่อให้การให้บริการประกันภัยครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างแท้จริง บริษัทฯ จึงเปิดโอกาสให้คนใหม่ ๆ ได้เข้ามาสู่การเป็นตัวแทนประกันวินาศภัยที่มีคุณภาพ ส่งเสริมให้ร่วมธุรกิจกับบริษัทฯ ในทุกพื้นที่ ซึ่งนับตั้งแต่วันนี้ จำนวนตัวแทนและนายหน้าจะมีครอบคลุมทุกจังหวัดทุกอำเภอ และอาจจะครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ” นายดลเดชกล่าว
นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เป้าหมายหลักปี 2565 ของ Non-Motorนอกจากการดูแลทางด้านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและการบริการลูกค้าด้านต่าง ๆ แล้ว
บริษัทฯ ยังได้ขยายการดูแลต่อไปยังสุขภาพของรถยนต์ด้วย โดยออกผลิตภัณฑ์ “ประกันภัยการขยายเวลารับประกันสำหรับอะไหล่รถยนต์” หรือ “Extended Warranty” ซึ่งให้ความคุ้มครองสูงสุด 14 กลุ่มอะไหล่หลักและชิ้นส่วน พร้อมจะยังคงเพิ่มมุ่งเน้น พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ ด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงรายบุคคล รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆด้วย
ส่วนทางด้านการพัฒนาบริการ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาระบบ Core System เพื่อรองรับการเติบโตของประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาระบบ CRM และ การใช้ Data-Driven เข้ามาช่วย เพื่อให้เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
รวมถึงไปถึงมีการเปิดตัวแคมเปญ Get Healthy เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าของเราได้ให้ความสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งมุ่งเน้นให้คำแนะนำการปรับพฤติกรรมการบริโภค ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของนักโภชนาการและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจากการดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปีได้รับการสนองรับเกินคาด ลูกค้าได้ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก และผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากผู้เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Healthy Life ได้วางแผนต่อยอดในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพหรือประเด็นโรคที่น่าสนใจในหัวข้อต่าง ๆ ผ่าน Doctor’s Talk ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมะเร็ง PM 2.5 โอไมครอน และอีกหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจที่จะตามมา เช่น ออฟฟิศซินโครม Long Covid หรือ Mental Health Issues
“ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ด้วยความตั้งใจของเราที่จะดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์สูงสุดของสุขภาพลูกค้าของบริษัทฯทุกคน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพัฒนาเหล่านี้จะตอบโจทย์และช่วยให้ลูกค้าของเราใช้ชีวิตด้วยความเบาใจ ไร้กังวล” นางฐวิกาญจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ด้านการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนตหรือNon-Motor แม้บริษัทจะเจอภาวะวิกฤตโควิดที่หนักหน่วงในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลการดำเนินงานของ Non- Motor ในปี 2564 ยังคงเติบโตได้ถึง 12.17% ด้วยเบี้ยประกันภัย 5,400 ล้านบาท และบริษัทฯยังคงสามารถขยายอัตราส่วนประกันภัย Non-Motor เพิ่มเป็น 13.98% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“เฉพาะประกันภัยสุขภาพในปี 2564 เรา ได้เติบโตขึ้น 102% ในส่วนของเบี้ยประกันภัย 851 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ Market Share เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.7% ซึ่งเติบโตจากปี 2563 ที่มี Market Share อยู่ที่ 3.3% ก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ