“สันติ กีระนันทน์”ฉะ“คลัง”เก็บภาษีขายหุ้นไม่ถูกกาลเทศะ

16 มิ.ย. 2565 | 04:18 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มิ.ย. 2565 | 11:32 น.

“สันติ กีระนันทน์”รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ฉะ“คลัง” เก็บภาษีขายหุ้นไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ขณะที่ความเดือดร้อนของคนกระจายไปทุกหย่อมหญ้า

กรณีที่ “กระทรวงการคลัง” จะเรียกเก็บภาษีขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ 0.1% ของมูลค่าขายตั้งแต่บาทแรก และเตรียมที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ ยังคงมีเสียงคัดค้านจากวงการในตลาดหุ้น ทั้งสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ แม้กระทั่งตลาดหลักทรัพย์ ก็ออกรายงานถึงผลกระทบที่ตามมา


ขณะที่ นายสันติ กีระนันทน์ อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ก็โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว คัดค้านนโยบายการเก็บภาษีขายหุ้นของกระทรวงการคลัง โดยระบุว่า กาละเทศะเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องที่ควรทำ กลับไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ก็จะทำ”

นายสันติ ระบุด้วยว่า ภาษีการขายหลักทรัพย์ หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ คือภาษีที่เก็บจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าหากมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษี 0.1% ของมูลค่าขาย แต่ภาษีขายหุ้นนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเก็บมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534


 ตามข่าวที่ออกมาคือ จะออกพระราชกฤษฎีกา เพื่อเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว และจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เข้าใจกันก่อนหน้านี้ด้วยว่า จะเก็บตั้งแต่บาทแรก !!!

“ผมเองนั้น ตั้งแต่ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวกับวงการนี้มากนัก แม้จะยังมีการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ ก็ทำในกองทุนรวมเป็นส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นกองทุนรวมที่ลงในสินทรัพย์ต่างประเทศ เพราะไม่ค่อยเห็นอนาคตหุ้นไทยสักเท่าไร”


นายสันติ กล่าวว่า เรื่องภาษีขายหุ้น ไม่ว่าจะกระทบหรือไม่กระทบใคร หรือจะกระทบมากหรือน้อยแค่ไหนนั้น ถ้าพิจารณาความเป็นธรรมว่าควรจะเก็บ ก็ต้องเก็บ ถ้าพิจารณาว่าไม่ควรเก็บ ก็ไม่ควรเก็บ ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้อีกมากมาย แล้วแต่ว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ก็จะหาเหตุผลสนับสนุน ใครเสียประโยชน์ก็จะหาเหตุผลคัดค้าน ... ก็ว่ากันไป
“คำถามของผม ไม่ใช่เรื่องความสมควรหรือไม่สมควรเก็บภาษี แต่เป็นคำถามเรื่อง กาละเทศะ"


ในเวลานี้ ทุกคนสงสัยปัญหาการ "ปิดหีบไม่ลง" ของรัฐบาล ปัญหาความไม่สามารถในการจัดเก็บรายได้ ปัญหาความไม่สามารถในการขยายฐานภาษี (ที่เหมาะสม) และความไม่สามารถอีกต่าง ๆ นานา ภาระหนี้สาธารณะก็เป็นขาขึ้น ทุกอย่างรุมเร้าทำให้เห็นและเชื่อว่ารัฐบาลจะ "ถังแตก"


อยู่ๆ หันซ้ายหันขวา ก็พบว่า เรื่องภาษีการขายหุ้น น่าจะทำให้รัฐบาลได้รายได้อีกปีละเป็นหลักหมื่นล้าน ก็เลยจะจัดการกับเรื่องดังกล่าว


เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนเดือดร้อนกันหมด เป็นเวลาที่ตลาดการเงินผันผวนอย่างรุนแรง เป็นเวลาที่ความตระหนกในทุกเรื่องแผ่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า ... การประกาศเก็บภาษีการขายหุ้น เป็นเวลาที่เหมาะสมหรือครับ ???


ก็ไม่อยากจะตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวเองนะครับ