สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 13.3 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,776.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.25% แตะที่ 106.5030 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
สัญญาทองคำยังถูกกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2.779% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น หากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมายังไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีได้
ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ได้แสดงความเห็นในทำนองเดียวกันว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 63.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 258,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าระดับ 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 3.6%