จากกรณีมติครม. เห็นชอบการจัดเก็บ "ภาษีขายหุ้น" ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในอัตรา 0.10% จากธุรกรรมการขายหุ้น (Transaction Tax) แต่ในปีแรกจะมีการเก็บภาษีก่อนในอัตรา 0.055% เมื่อรวมภาษีท้องถิ่น
โดยออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่ .. พ.ศ. ....
ล่าสุดมีการรายงานความเห็นของหน่วยงานสำคัญเกี่ยวกับกรณีการเก็บภาษีขายหุ้น ทั้งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ โดยทำความเห็นประกอบการพิจารณาของครม. เป็นข้อเสนอและเพิ่มเติมให้กับกระทรวงการคลังรับไปพิจารณา มีรายละเอียดดังนี้
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า เห็นควรให้ความเห็นชอบเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นการปรับปรุง กฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการ สร้างความเป็นธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล อย่างไรก็ดี สศช. มีข้อสังเกตและ ความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
1.ในกรณีการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กับกองทุนรวมที่ขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม ให้สำนักงานประกันสังคม และกองทุนบำนาญ ซึ่งได้แก่
ทั้งนี้อาจไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะที่เป็นการส่งเสริม การออมเพื่อการเกษียณอายุ นอกจากนี้เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลกยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวน จึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลกระทบของมาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
สำนักงบประมาณ
พิจารณาแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้ จะเพิ่มความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และลดความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และการออมเพื่อการเกษียณอายุ โดยกระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะทำให้รายได้ภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มขึ้นในปีแรกของการจัดเก็บประมาณ 8,000 ล้านบาท และในปีต่อ ๆ ไป ของการจัดเก็บ ประมาณปีละ 16,000 ล้านบาท
ดังนั้น หากกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามนัยมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว ก็เห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการ
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เห็นสมควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ พร้อมติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ต่อไป
ธปท.รอประเมินผลกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย
ก่อนหน้านี้ นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นถึงเรื่องการเก็บภาษีขายหุ้น ว่าจะกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายหรือไม่ โดยยอมรับว่า ในช่วงแรกอาจจะมีการปรับตัวบ้าง แต่ไม่น่าจะมีผลกระทบรุนแรงต่อการทำงานของตลาดทุน ซึ่งต่างประเทศก็จะมีการจัดเก็บภาษีในลักษณะนี้อยู่แล้ว
พร้อมระบุว่า ในประเด็นนี้ ก็ต้องประเมินในระยะต่อไป ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังมีเงินไหลเข้าหรือฟันด์โฟลว์ ประมาณ 5,000 ล้านบาท