FETCO ชี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า เข้าเกณฑ์ร้อนแรงมาก

07 ต.ค. 2567 | 06:55 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2567 | 06:56 น.

FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับสู่เกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้าและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยฉุดคือความขัดแย้งระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางการเมือง

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนก.ย.67 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-30 ก.ย. 67)  พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ที่ระดับ 175.64 ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับแต่ทำการสำรวจ

นักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รองลงมา คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ และ ความผันผวนของค่าเงินบาท

อินโฟ ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือนก.ย.67

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนก.ย. 67 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ 

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค.-ธ.ค.67) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160-200) ที่ระดับ 175.64
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”  ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” 
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพาณิชย์ (COMM)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ  สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ผลสำรวจ ณ เดือนก.ย.67 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 2.3% มาอยู่ที่ระดับ 147.62 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 21.2% มาอยู่ที่ระดับ 175.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 16.7% มาอยู่ที่ระดับ 140.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 60.0% อยู่ที่ระดับ 200.00
 
ในช่วงเดือนก.ย.67 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปัจจัยบวกในประเทศจากทั้งการเปิดขายกองทุนวายุภักษ์มูลค่า 150,000 ล้านบาท การจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปอย่างราบรื่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน 10,000 บาทแก่กลุ่มเปราะบาง การแข็งค่าของค่าเงินบาท

และจากปัจจัยนอกประเทศ อาทิ การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ลง 0.5% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี และการไหลเข้าของเงินทุน โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ปิดที่ 1,448.83 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.6% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 62,503 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 28,904 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 94,789 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม

  • ทิศทางการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
  • ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายในประเทศเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น
  • มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของทางการจีนทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านตลาดทุน
  • สถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยังคงมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

ปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม

  • แนวโน้มการเติมโตของเศรษฐกิจไทยซึ่งได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ
  • ความผันผวนของค่าเงินบาทซึ่งอาจจะกระทบการส่งออก
  • แนวทางของ กนง. ในการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งถัดไป
  • การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2567
  • การเริ่มเข้าลงทุนในกองทุนวายุภักษ์