ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,069.11 จุด เพิ่มขึ้น 456.87 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,087.03 จุด เพิ่มขึ้น 105.23 จุด หรือ +2.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,041.62 จุด เพิ่มขึ้น 460.75 จุด หรือ +2.96%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 39,000 จุดเป็นครั้งแรกและปิดทำนิวไฮ ขณะที่ดัชนี S&P ปิดทำนิวไฮเช่นกันและทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 13 เดือน ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทอินวิเดียเปิดเผยรายได้พุ่งขึ้น 265% ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 พร้อมกับคาดการณ์ว่ารายได้จะปรับตัวขึ้นอีกในไตรมาสปัจจุบัน โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมในชิปที่ใช้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดียได้แสดงความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และอีกหลายปีหลังจากนั้น และคาดว่าความต้องการหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอินวิเดียคาดว่ายอดขายในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2568 จะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.217 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นอินวิเดียทะยานขึ้น 16.40% และยังเป็นแรงส่งให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงในกลุ่ม "Magnificent Seven" พุ่งขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นแอปเปิ้ล ดีดขึ้น 1.2% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 3.8%
หุ้นบริษัทผลิตชิปได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของอินวิเดียเช่นกัน โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 10.7% หุ้นซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ (Super Micro Computer) ทะยานขึ้น 32.9% หุ้นอาร์ม โฮลดิงส์ (Arm Holdings) พุ่งขึ้น 4.1%
ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566
หุ้นโมเดอร์นา ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 13.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2566
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 217,000 ราย
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 3.1% สู่ระดับ 4 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 3.98 ล้านยูนิต แต่เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านลดลง 1.7% ในเดือนม.ค.
ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.0 ในเดือนม.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ