ทริสฯ หั่นเครดิต 4 บริษัทอสังหา MK-PD-GRAND-ROH

26 มี.ค. 2567 | 22:05 น.
อัพเดตล่าสุด :27 มี.ค. 2567 | 02:24 น.

ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กร 4 บริษัทอสังหา ฯ บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) และ บจก.พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ (PD) มาเป็น “BB-” จาก “BB+” ขณะเดียวกันปรับลดอันดับเครดิต บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) และ โรงแรมรอยัล ออคิด ฯ (ROH) มาอยู่ระดับ B+ จากระดับ BB-

ทริสเรทติ้ง ประกาศลดอันดับเครดิตองค์กร 4 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ คือ  บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) และ บจก.พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ (PD) มาเป็นระดับ "BB-"จาก "BB+" พร้อมกันนี้ได้ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้  (GRAND) และบมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย )(ROH)  เป็น “B+” จากระดับ “BB-” ดังนี้

1.ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.มั่นคงเคหะการ หรือ MK เป็นระดับ “BB-” จากเดิมที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” 

โดยอันดับเครดิตที่ “BB-”สะท้อนถึงการปรับลดอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Standalone Credit Profile -- SACP) มาอยู่ที่ระดับ “bb”จากเดิมที่ระดับ “bb+” เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ด้อยกว่าคาดและภาระหนี้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลาง (Strategic Entity) ของ บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (FNS) ซึ่งได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียวของบริษัทถือหุ้นกว่า 49.5% นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ส่งผลให้อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทถูกจำกัดไว้ที่ไม่เกินอันดับเครดิตของกลุ่มบริษัท FNS ที่ระดับ “bb-”

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทที่ระดับ “bb” ยังคงสะท้อนถึงธุรกิจของบริษัทที่มีขนาดเล็ก รวมถึงสภาพคล่องที่ตึงตัวของบริษัท แม้ว่าบริษัทมีแผนจะถอนตัวออกจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยและธุรกิจดูแลสุขภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับดีขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลาง อย่างไรก็ดีอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทยังคงถูกจำกัดไว้ที่ไม่เกินอันดับเครดิตของกลุ่ม
 

2.ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บจก.พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ หรือ PD เป็นระดับ “BB-” จากเดิมที่ระดับ “BB+”ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่”

โดยการลดอันดับเครดิตเป็นไปตามทิศทางอันดับเครดิตของบริษัทแม่คือ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK อันดับเครดิต “BB-/Stable”) ในฐานะที่เป็นบริษัทย่อยหลัก ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงงานและคลังสินค้า อันดับเครดิตของบริษัทจึงอยู่ในระดับเดียวกับและเปลี่ยนแปลงไปตามทิศทางอันดับเครดิตของ MK 

ทั้งนี้ บริษัท ฯ ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้สร้างกำไรรายสำคัญของกลุ่มในระยะยาว  และคาดหมายว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มในยามจำเป็นอีกด้วย โดย ณ สิ้นปี 2566 ภาระหนี้ประมาณ 30% ของบริษัทนั้นเป็นเงินกู้จาก MK

3.ลดอันดับเครดิตองค์กรของ มจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ หรือ GRAND  เป็นระดับ “B+” จากระดับ “BB-” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทยังคง “Negative” หรือ “ลบ”

การลดอันดับเครดิต เป็นผลมาจากการที่บริษัทดำเนินการตามแผนการลดภาระหนี้ล่าช้าและผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอกว่าการคาดการณ์ 

ระดับภาระหนี้ในปัจจุบันของบริษัทนั้นสูงเกินไปเมื่อเทียบกับผลกำไรที่ทำได้ จนทำให้เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทติดลบอย่างต่อเนื่องอีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงได้รับแรงกดดันจากยอดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา ตลอดจนค่าใช้จ่ายดำเนินงานและต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของแผนการลดภาระหนี้ของบริษัท

 

ทั้งนี้ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2566 ก่อให้เกิดต้นทุนทางการเงินที่จำนวน 1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่บริษัททำได้ที่จำนวน 0.6 พันล้านบาทเท่านั้น 

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะดำเนินการขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ภายในปี 2567 โดยคาดว่าบริษัทจะได้เงินจากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวที่จำนวนประมาณ 5 พันล้านบาทจากการประเมินมูลค่าครั้งล่าสุด บริษัทมีแผนที่จะชำระคืนหุ้นกู้ส่วนใหญ่ของบริษัทภายในสิ้นปี 2567 ด้วยเงินที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์ โดยสินทรัพย์หลักประกอบไปด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทในบริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ROH) และเงินลงทุนของบริษัทในบริษัท แกรนด์ ริเวอร์ ฟอร์เรสท์ จำกัด (GRF)

4.ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย)  หรือ ROH  เป็นระดับ “B+” จากระดับ“BB-” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทยังคง “Negative” หรือ “ลบ”

การลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะเครดิตของ บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ ทั้งนี้ GRAND เป็นผู้ถือหุ้นที่มีส่วนควบคุมและเป็นแหล่งกระแสเงินสดหลักของบริษัทในการปฏิบัติตามภาระผูกพันในการซื้อคืนสินทรัพย์โรงแรมที่ใช้ในการดำเนินงานเพียงแห่งเดียวของบริษัทคือ “รอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส” จากทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ รอยัล ออคิด โฮสพีทาลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืนในปี 2569 ซึ่งความสามารถของบริษัทในการชำระค่าเช่าและซื้อคืนสินทรัพย์จากทรัสต์ฯ นั้น ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยรับและการได้รับชำระคืนเงินต้นจาก GRAND เป็นหลัก

ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” นั้นสะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตที่ทริสเรทติ้งกำหนดให้แก่ GRAND ด้วยเช่นกัน