PCE มองบาทแข็งไม่กระทบ ใส่เกียร์ส่งออกน้ำมันปาล์ม-ไบโอดีเซล เจาะอินเดีย

27 ก.ย. 2567 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2567 | 08:16 น.

บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ PCE ชี้บาทแข็งค่าไม่กระทบการส่งออกในไตรมาส 4 มั่นใจเติบโตได้ดี ทั้งปีผลงานโตเข้าเป้า 10% กางแผนปี 68 เล็งส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันไบโอดีเซลขยายตลาดอินเดีย หวังอัพสัดส่วนส่งออกเพิ่มเป็น 50%

นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2567 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567

และมั่นใจว่าในปี 2567 นี้ ผลการดำเนินงานจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 12,921.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.97 ล้านบาท

ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE

จากสถานการณ์เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้า มีเป้าหมายใช้น้ำมันไบโอดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้น จึงเรียกเก็บภาษีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธ์ไปจำหน่ายยังประเทศอินเดียและจีนในระดับที่สูง

ขณะที่ PCE มีความได้เปรียบทางการค้า เพราะสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปจำหน่ายที่ประเทศอินเดียได้อย่างเสรี ประกอบกับปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบของทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลกมีไม่มากนัก สวนทางกับความต้องการที่มีปริมาณสูงขึ้น

จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว และเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 /2567 ยังสามารถเติบโตได้ดี

ทั้งนี้ หลังจากกลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พร้อมกับเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรระดับประเทศ ล่าสุดได้วางงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

  1. ขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อเพิ่มความมั่นคงการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โดยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 120 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จากเดิม 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ใช้งบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท
  2. ลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนในการบริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 600 ตันต่อวัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน โดยการขยายกำลังการผลิตโรงงานทั้งสองแห่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเริ่มเดินเครื่องจักรในต้นปี 2568 

เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศในปี 2567-2569 ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี จากความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในอุตสาหกรรมอาหารที่มีแนวโน้มเติบโต 3-4% ต่อปีตามการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว

รวมถึงอุตสาหกรรมไบโอดีเซล ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้ 5-5.5 ล้านลิตรต่อวัน เติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี จากความต้องการใช้ยานยนต์ดีเซลในภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ E-commerce เป็นต้น

นอกจากนี้ PCE ยังเพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ และส่งออกน้ำมันไบโอดีเซล ไปยังประเทศจีนและอินเดีย และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการทำตลาดต่างประเทศเป็น 50% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 36% โดย PCE มีศักยภาพและความพร้อม เพราะนอกจากจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ยังมีบริการคลังสินค้า ท่าเทียบเรือ

ตลอดจนให้บริการขนส่งสินค้าทางรถและทางเรือเอง จึงสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ครบครันแบบ One Stop Service ซึ่งเป็นจุดเด่นและความได้เปรียบ และพร้อมที่จะก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในระดับประเทศ