เปิด 3 ปัจจัยหนุน ราคาทองคำระยะยาวขาขึ้น

21 พ.ย. 2567 | 22:45 น.

วายแอลจีชี้ทองคำแกว่งพักตัวในระยะสั้น เหตุนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากก่อนนี้ปรับตัวขึ้นทำ All Time High ต่อเนื่อง แตะ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อ ระยะยาวเทรนด์ยังเป็นขาขึ้น ปีหน้าลุ้นเป้าหมาย 2,850-3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(YLG)เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำล่าสุดอยู่ในกรอบพยายามทรงตัว หลังจากย่อตัวมาเกือบ 2 สัปดาห์ราว 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นับจากรับรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ  

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงนี้เป็นการขายทำกำไร หลังจากช่วงก่อนหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องขึ้นไปและ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถือว่า ปรับตัวขึ้นไปมากกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีแรงเทขายออกมารอบใหญ่ แต่ในภาพระยะยาวนั้น ทองคำยังเป็นขาขึ้น

ทั้งนี้ นอกจากความผันผวนในโลกของการลงทุนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถชนะการเลือกตั้งแล้ว ทองคำก็ยังมีปัจจัยสนับสนุนอยู่อีกหลายด้านคือ  

1.การเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงเดินหน้าสะสมทองคำต่อเนื่อง โดยผลสำรวจของ World Gold Council ในปี 2567 บ่งชี้ว่า “Central Bank ทั่วโลกราว 69% จะสะสมทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะทุนสำรองต่อไปอีกอย่างน้อยในช่วง 5 ปี ต่อจากนี้

เทรนด์ดังกล่าว เริ่มเห็นได้ชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2565-2566 ที่ Central Bank ได้เข้าซื้อทองคำมากถึง 1,082 ตัน และ 1,037 ตัน ตามลำดับ และในปี 2024 แม้เผชิญกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ Central Bank ก็ยังเข้าซื้อทองคำรวมทั้ง 3 ไตรมาสแรก ในระดับที่ยังสูงถึง 669.5 ตัน 

2.เหตุผลด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่มีนโยบายสนับสนุนการทำสงครามระหว่างประเทศ แต่การจะยุติความขัดแย้งในหลายๆพื้นที่ก็ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ประกอบกับ คณะบริหาร ณ ปัจจุบัน ซึ่งยังอยู่ภายใต้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐโจมตีใส่ดินแดนรัสเซียได้

เปิด 3 ปัจจัยหนุน ราคาทองคำระยะยาวขาขึ้น

ขณะที่ทางฝั่งรัสเซียตอบโต้ โดยการลงนามกฤษฎีกาหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ จากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สาระสำคัญคือ หากชาติครอบครองอาวุธนิวเคลียร์นั้นรุกรานรัสเซีย ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือเป็นชาติที่สนับสนุนศัตรู รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปราม ซึ่งเป็นอาวุธขั้นสุดท้ายในสถานการณ์จำเป็น

"นโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงให้เกิดสงครามการค้าขึ้นได้ในอนาคตโดยเฉพาะกับจีน" 


3.ความเปราะบางทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ ในยุคสมัยของทรัมป์ที่มีแนวโน้มกระตุ้นเงินเฟ้อให้กลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเกิดความกังวลถึงการที่เฟดอาจจะไม่สามารถสานต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้มากเท่าแผนการเดิม อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ 

รวมไปถึง SME ทำให้ขยายวงกว้างจนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทองคำจึงยังมีความสำคัญในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะยาว 

สำหรับปี 2568 YLG คงเป้าหมายทองคำที่ 2,850-3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่เป้าหมายของทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ อยู่ที่ระดับ 46,800-49,250 บาทต่อบาททองคำ (ณ อัตราแลกเปลี่ยน ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์)

"ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ อาจจะไปได้ถึง 50,000 บาทต่อบาททองคำ หากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท เคลื่อนไหวใกล้โซน 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์"

อย่างไรก็ตาม หากเฟดยังเดินหน้านโยบายดอกเบี้ยขาลงอีก 2 ปี ทองคำก็ยังปรับตัวขึ้นได้ต่อในระยะยาว นอกจากนี้ การประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน (LBMA) เมื่อกลางเดือน ต.ค. ผลสำรวจความคิดเห็นของคนในอุตสาหกรรมทองคำ คาดว่าราคาทองคำจะไต่ระดับขึ้นจนทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2568

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,047 วันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567