7 แนวทางควรทำเวลาไปกินดื่มในร้านอาหารป้องกันติดเชื้อโควิด-19

รายงานข่าวระบุว่า  รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
2 พฤศจิกายน 2564

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 324,207 คน ตายเพิ่ม 4,611 คน รวมแล้วติดไปรวม 247,805,440 คน เสียชีวิตรวม 5,019,852 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ รัสเซีย สหราชอาณาจักร อเมริกา ตุรกี และยูเครน 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 95.54 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 92.23 

สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 8,165 คน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก
หากรวม ATK อีก 2,450 คน จะขยับเป็นอันดับ 8 ของโลก
และไม่ว่าจะเป็นแค่ยอดที่รายงานทางการ หรือจะรวม ATK ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
แนวปฏิบัติที่ควรทำเวลาไปกินดื่มในร้านอาหาร
1. เลือกร้านที่จะไปในบริเวณนั้นสัก 2-3 ร้าน
2. ถึงร้านแล้ว ประเมินดูว่าแออัดไหม ถ่ายเทอากาศดีไหม การรักษาความสะอาดโอเคไหม พนักงานป้องกันตัวดีไหม หากไม่ดี ไม่ควรเสี่ยง...เปลี่ยนร้านเถอะ 
3. พกสเปรย์แอลกอฮอล์หรือเจลแอลกอฮอล์ไว้ล้างมือ ก่อนและหลังหยิบจับสิ่งของสาธารณะ เช่น เก้าอี้ เมนู ฯลฯ 
4. ให้พนักงานรับออร์เดอร์ห่างจากเรา 1 เมตร หากเข้ามาใกล้เกินไป ควรแนะนำพนักงานอย่างสุภาพ เพื่อความปลอดภัยทั้งเขาและเรา ระหว่างการสั่งอาหาร ทั้งพนักงานและเราควรใส่หน้ากากทั้งคู่
5. ระหว่างรออาหาร หากไม่ได้กินดื่ม ควรใส่หน้ากาก 
6. หากกินดื่มเสร็จ ระหว่างรอจานอื่น ควรล้างมือและใส่หน้ากาก 
7. ช่วงคิดเงิน อย่าลืมล้างมือหลังหยิบจับธนบัตร เหรียญ หรือปากกา 

สถานการณ์ระบาดยังรุนแรงต่อเนื่อง
ควรไปเท่าที่จำเป็น
การซื้อกลับไปแยกกินเอง ย่อมปลอดภัยกว่า
คำแนะนำดังกล่าวไม่ใช่คำแนะนำแบบโลกสวย หรือสุดโต่งจนปฏิบัติไม่ได้ เพราะที่แนะนำข้างต้นนั้น ตนเองก็ปฏิบัติอยู่เช่นกัน
ย้ำอีกครั้งว่า ความเสี่ยงในสังคมจะสูงขึ้นมาก ถัดจากนี้ไป ขึ้นอยู่กับความใส่ใจสุขภาพของแต่ละคน (Health consciousness)
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 7,574 ราย ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 1,898,900 ราย  เสียชีวิตเพิ่ม 78 ราย หายป่วยเพิ่ม 8,279 ราย กำลังรักษา 98,444 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 1,782,555 ราย