ทำความรู้จัก “Lifestyle Medicine” ศาสตร์ใหม่เพื่อคนไทยห่างไกลโรค NCDs

26 ม.ค. 2566 | 08:44 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ม.ค. 2566 | 08:47 น.

สสส. ชงศาสตร์ใหม่ “Lifestyle Medicine” หนุนคนไทยใช้ชีวิตเพื่อการรักษาและจัดการกับโรคโดยไม่ใช้ยา เพื่อลดการเสียชีวิตจากโรค NCDs

เวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือ Lifestyle Medicine” เป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย ซึ่ง  American College of Lifestyle Medicine ให้นิยามว่า “แนวทางในการใช้ชีวิตเพื่อการรักษาและจัดการกับโรคโดยไม่ใช้ยา”  เป็นแนวทางใหม่ใน “การดูแลสุขภาพที่เน้นการปรับเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยงซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อ”

โดยการอาศัยหลักการผสมผสานและบูรณาการศาสตร์ การรักษาต่างๆ ทั้งความรู้ทางการแพทย์ การให้บริการทางสุขภาพ นโยบายสุขภาพ และปัจจัยที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม มุ่งเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ นำมาวางแผนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งด้านอาหาร การมีกิจกรรมทางกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายป้องกันโรค การนอนหลับที่มีคุณภาพ การจัดการความเครียด การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอันตรายต่างๆ

เวชศาสตร์วิถีชีวิต ถูกใช้ดูแลสุขภาพประชาชนในฝั่งอเมริกาและยุโรปมานาน แต่อาจถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับไทย เพราะยังขาดบุคคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ล่าสุดแพทยสภาได้รับรองหลักสูตรฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางแขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิตให้เป็นหนึ่งแขนงของสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน โดยมีกรรมการพัฒนาหลักสูตรที่มาจากแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งความรู้และประสบการณ์

โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการ สำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ เป็นหนึ่งในแพทย์กลุ่มนี้ด้วย และพร้อมที่จะสานต่อและถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกับภาคีเครือข่ายของ สสส. รองรับความต้องการดูแลสุขภาพของคนไทย

“เวชศาสตร์วิถีชีวิต คือ ศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางเพิ่มเติมจากการดูแลสุขภาพพื้นฐาน ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์มากในการดูแลสุขภาพของคนไทย เพราะศึกษาเจาะลึกไปยังพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเฉพาะกลุ่มมากขึ้น นำไปสู่การวิเคราะห์หาแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะนำไปสู่การเกิดโรคไม่ติดต่อ อย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีความสุขเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฎิบัติ เป็นแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม

เมื่อเทียบกับกรณีการเกิดโรคแล้วต้องรักษาด้วยการใช้ยา ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควรซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพของสสส. และเป็นภาระกิจของตนเองอยู่แล้ว ดังนั้นจะนำความรู้ด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานทุกๆ ด้าน พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมและแพลตฟอร์มต่างๆ ของสสส. มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางการสื่อสาร การให้คำปรึกษาแนะนำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของการดูแลวิถีชีวิตสุขภาพคนไทยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มวัย” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

ไทยสูญเสียประชากรก่อนวัยอันควรด้วยโรคไม่ติดต่อ (Noncommunicable diseases : NCDs) เช่นโรคหลอดเลือดหัว ใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรัง มะเร็ง เบาหวาน สุขภาพจิต เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเป็นสาเหตุสำคัญของ การเสียชีวิตของคนไทย สูงถึง 3 ใน 4 หรือ 75% ของการเสียชีวิตทั้งหมด โดยสาเหตุการก่อโรคไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับ

ดังนั้นความรู้ด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตก็จะเข้ามามีบทบาทใหม่ที่สำคัญต่อการดำเนินงานของสสส.ในทุกๆ ด้าน เพื่อนำคนไทยทุกกลุ่มไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ วิถีชีวิตสุขภาวะ เป็นการช่วยระบบสาธารณสุข และสามารถประหยัดเงินในการรักษาโรคได้อย่างมหาศาล

ทำความรู้จัก “Lifestyle Medicine” ศาสตร์ใหม่เพื่อคนไทยห่างไกลโรค NCDs

ประเทศก็ได้ประโยชน์ เพราะการรักษาโรค NCDs ต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งหากประชาชนสนใจที่จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ก็สามารถค้นหาข้อมูลการดูแลสุขภาพด้วยแนวคิดวิถีชีวิตสุขภาวะได้ที่ www.thaihealth.or.th

ล่าสุด สสส.ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) เตรียมจัดการประชุมวิชาการด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย “ Thailand Physical Activity Conference 2022 (TPAC 2022) ” ภายใต้หัวข้อ “ Integrating knowledge for physical activity regeneration : บูรณาการองค์ความรู้เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางกาย ” เพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนและเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานด้านส่งเสริมกิจกรรมทางกายจากนักวิชาการและผู้เชียวชาญทั้งในและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์