รพ.เอกชน “รายได้-กำไร” พุ่ง ลงทุนเพิ่ม รับไฮซีซั่น

22 ส.ค. 2567 | 22:00 น.

โรงพยาบาลเอกชนพาเหรดทำกำไรถ้วนหน้า หลังผลประกอบการไตรมาส 2/2567 รายได้พุ่ง จากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เผยพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่ม มั่นใจครึ่งปีหลังสัญญาณดี จากไฮซีซั่นและบริการทางการแพทย์เฉพาะทาง

ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb nanlytics) ประเมินว่าในปีนี้จะมีรายได้กว่า 3.22 แสนล้านบาท ขยายตัว 4% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวม 3.14 แสนล้านบาท แม้จะเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา กำลังซื้อที่ลดลงในช่วงตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา แต่พบว่าผลประกอบการโดยรวมกลับคึกคักและมีการเติบโตขึ้นถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ซึ่งพบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวม 26,058 ล้านบาท เติบโต 7% กำไรสุทธิ 3,335ล้านบาท เติบโต 9%จากช่วงเวลา ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 7% (รายได้จากผู้ป่วยชาวไทย 5 % และรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติ 11%) ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 52,987 ล้านบาท เติบโต 9% กำไรสุทธิ 7,408 ล้านบาท เติบโต 14%

รพ.เอกชน “รายได้-กำไร” พุ่ง ลงทุนเพิ่ม รับไฮซีซั่น ขณะที่บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จำกัด (มหาชน) หรือ BH พบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวม 6,331 ล้านบาท เติบโต 3% กำไรสุทธิ 1,932 ล้านบาท เติบโต 10.5% ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 12,901 ล้านบาท เติบโต 5.4% กำไรสุทธิ 3,917 ล้านบาท เติบโต 17.6% ซึ่งมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากผู้ป่วยทั่งชาวไทยและต่างชาติเช่นกัน

ด้านบริษัทพริ้นซิเพิล แคปิตอลจำกัด (มหาชน) หรือ PRINC พบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวม 1,308.3 ล้านบาท เติบโต 14.3% กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 77.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2567 มีรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์อยู่ที่ 2,686.1 ล้านบาทเติบโต 21.4%

โดย นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ และรองประธานคณะกรรมการ บริษัทพริ้นซิเพิล แคปิตอลจำกัด (มหาชน) หรือ PRINC กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบันตอนนี้ไม่สดใสมากนัก เพราะต่างได้รับผลกระทบจากสงครามกันถ้วนหน้า แต่แนวโน้มของธุรกิจที่จะเติบโตและเป็นไปได้มากที่สุดคือเรื่องสุขภาพและการแพทย์ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน ยังตอบสนองด้านความสะดวกได้ดี มีบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอที่สามารถรักษาโรคยากที่ซับซ้อนได้

รพ.เอกชน “รายได้-กำไร” พุ่ง ลงทุนเพิ่ม รับไฮซีซั่น

อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนลงทุนขยายธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลและธุรกิจเฮลแคร์ ไม่ว่าจะเป็น การแสวงหาการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลตามเป้าหมาย 20 แห่งจากปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 18 แห่งใน 14 จังหวัด โดยมุ่งขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อนเช่น ศูนย์รักษาโรคมะเร็ง (Cancer Center) ศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart Center) รวมถึงการลงทุนในธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุ (Eldercare), คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก (IVF) ฯลฯ

“หลังจากที่ PRINC มีแผนขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่โรงแรมและอาคารสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ราว 10% ของรายได้ทั้งหมด ประเมินว่าการขยายธุรกิจโรงพยาบาลและการรับรู้รายได้โรงพยาบาล เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 แห่งประกอบด้วยรพ. เชียงใหม่ ฮอสพิทอล, รพ.ราชสีมา ฮอสพิทอลและรพ. พิษณุโลก ฮอสพิทอล จะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาและชดเชยรายได้จากธุรกิจอสังหาที่ลดลงไป ทำให้ PRINC ยังคงมีการเติบโตที่ 10-15% ในระยะเวลา 5 -10 ปีนับจากนี้”

อีกหนึ่งกลุ่มโรงพยาบาลที่ทำผลประกอบการออกมาได้ดี คือ บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ THG ซึ่งพบว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวม 2,362 ล้านบาท กำไรสุทธิ 52 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 ทำรายได้รวม 4,699 ล้านบาท กำไรสุทธิ 74 ล้านบาท โดยนายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THG กล่าวว่า ผลประกอบการของ THG ถูกกดดันจากปัจจัยต้นทุนการดำเนินงานที่สูง ซึ่งเป็นผลจากค่าเสื่อมราคาและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการลงทุนก่อนหน้า ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างอาคารและติดตั้งเครื่องมือแพทย์เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการทั้งในโรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา และโรงพยาบาลส่วนภูมิภาคหลายแห่ง

รวมถึงผลกระทบจาก 2 โครงการขนาดใหญ่ คือ โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ และโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ที่ลงทุนและเปิดตัวช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ภาวะเศรษฐกิจชะงัก ส่งผลต่อการตัดสินใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดิม ทำให้การเติบโตไม่เป็นไปตามเป้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับทางพันธมิตรเพื่อพัฒนาพื้นที่ด้านหลังให้โครงการสมบูรณ์มากขึ้น

อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เริ่มกลับมามีผลประกอบการในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น หลังคณะผู้บริหาร THG ตัดสินใจปรับทิศทางธุรกิจจากเดิมมุ่งจับกลุ่มลูกค้าที่เป็น Medical tourism มาเป็นกลุ่มผู้ป่วยในประเทศ พร้อมส่งทีมงานของโรงพยาบาลธนบุรี และโรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา เข้ามาร่วมบริหาร

“ครึ่งหลังของปีนี้ โครงการที่ลงทุนก่อนหน้า อาทิ อาคารผู้ป่วยนอก 8 ชั้น ของโรงพยาบาลธนบุรี หรือ อาคารทำการแห่งใหม่ของโรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา เพื่อรองรับผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินงานและรับรู้รายได้ใหม่ทันทีสอดรับการเข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจโรงพยาบาล ด้านโรงพยาบาลธนบุรี ราษฎร์ยินดี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็เตรียมเปิด Wellness Center และอาคารจอดรถ ทั้งมีแผนขยายตึกรองรับผู้ป่วยเช่นกัน ขณะที่ศูนย์ BeWell Health and Wellness Clinic ในโฮจิมินห์ เวียดนาม ยังคงเตรียมเปิดตามแผน”

รพ.เอกชน “รายได้-กำไร” พุ่ง ลงทุนเพิ่ม รับไฮซีซั่น

ด้าน ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอลจำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีแนวโน้มเติบโต โดยในไตรมาส 1/2567 BCHมีรายได้รวม 2,865 ล้านบาท เติบโต 6.4% กำไรสุทธิ 318.9 ล้านบาท เติบโต 25.6%และในไตรมาสที่ 2/2567 มีรายได้รวม 2,898 ล้านบาท กำไรสุทธิ 277.1 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนมีรายได้รวม 5,763 ล้านบาท กำไรสุทธิ 596 ล้านบาท เติบโต 10.74%

ส่วนในครึ่งปีหลัง มองว่ามีทิศทางที่ดีเพราะอยู่ในช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะไตรมาส 3 มีลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขพัฒนาต่อไป รวมถึงความไม่แน่นอนจากระบบเงินประกันสังคมด้วย

ขณะที่นายรณชิต แย้มสอาดประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ PHG กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรสุทธิของแพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป มาจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าปกติ หรือ Normalized revenue ได้แก่รายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มลูกค้าคู่สัญญา และรายได้จากกลุ่มลูกค้าโครงการประกันสังคม โครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และโครงการสวัสดิการข้าราชการ

โดย PHG มีรายได้ในไตรมาส 2/2567 รวม 526.67 ล้านบาท เติบโต 7.97% กำไรสุทธิ 36.61 ล้านบาท เติบโต 16.74% ส่งผลให้ครึ่งแรกของปีมีรายได้รวม 1,093.39 ล้านบาท เติบโต 12.37% กำไรสุทธิ 103.16 ล้านบาท เติบโต 35.90%