เฝ้าระวังอาการ "ฝีดาษลิง" สายพันธุ์ใหม่ ภัยฉุกเฉินระหว่างประเทศ

26 ส.ค. 2567 | 22:00 น.

ไขข้อสงสัย "ฝีดาษลิง" สายพันธุ์ใหม่ องค์การอนามัยโลกยกระดับให้เป็นภัยฉุกเฉินระหว่างประเทศ อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดใหญ่

บทความอ้างอิงจาก นพ.ศราวุฒิ มากล้น อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพิษณุเวช ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ และ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 พบผู้ป่วยสงสัยฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1B รายแรกในประเทศไทย เดินทางจากทวีปแอฟริกา ตรวจพบอาการสงสัยโรคฝีดาษลิง สายพันธุ์ Clade 1B ที่ทั่วโลกกำลังเฝ้าระวังรวมถึงไทย ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงได้ขยายไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศแถบทวีปแอฟริกา 

สาเหตุที่ทั่วโลกต่างเฝ้าระวัง เนื่องจากโรคฝีดาษลิง สายพันธุ์ Clade 1B มีความรุนแรงและแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น โดยเฉพาะในเด็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอย่างผู้สูงอายุ อาการเริ่มต้นจะคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย ก่อนจะมีผื่นที่เริ่มจากใบหน้าแล้วแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ผื่นจะพัฒนาเป็นตุ่มหนองและแผลที่แห้งตกสะเก็ด

สำหรับไวรัสฝีดาษลิงแบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ แต่มี 2 สายพันธุ์หลัก คือ Clade 2 และ Clade 1B ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและมีลักษณะการติดเชื้อที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ และกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อการแพร่กระจายและความรุนแรงของโรค

เฝ้าระวังอาการ \"ฝีดาษลิง\" สายพันธุ์ใหม่ ภัยฉุกเฉินระหว่างประเทศ

ทำไมต้องเฝ้าระวังสายพันธุ์ ‘Clade 1B’

  • แพร่เชื้อง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ผ่านการสัมผัสตุ่มน้ำหรือของเหลวจากตุ่มน้ำ
  • มักมีอาการรุนแรงกว่า เช่น ไข้สูง ผื่นจำนวนมาก และภาวะแทรกซ้อน
  • อัตราการเสียชีวิตสูงกว่าสายพันธุ์อื่น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ

วิธีป้องกันฝีดาษลิง

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเฉพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง แต่วัคซีนฝีดาษ (Smallpox) ที่เคยใช้ในอดีตสามารถป้องกันได้บางส่วน เนื่องจากไวรัสฝีดาษและฝีดาษลิงมีความคล้ายคลึงกัน

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 สภากาชาดไทย ได้เปิดให้บริการวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ณ ตึกราชูทิศ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันโรคฝีดาษลิง ดังนี้

  1. รักษาความสะอาด โดยการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
  2. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่รู้จัก
  3. ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู หรือเครื่องนอน
  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีผื่น
  5. ไม่สัมผัสตุ่มหนองหรือบาดแผลของสัตว์ที่ติดเชื้อ รวมถึงซากสัตว์ป่า
  6. บริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกดี
  7. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

เฝ้าระวังอาการ \"ฝีดาษลิง\" สายพันธุ์ใหม่ ภัยฉุกเฉินระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสังเกตอาการตนเอง ในกรณีที่ต้องเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงในแถบทวีปแอฟาริกา ขณะเดียวกันหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะโรคดังกล่าวติดต่อจากการสัมผัส และการมีเพศสัมพันธ์

หากตรวจพบโรคฝีดาษลิงตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงอาการรุนแรงของโรค ที่มีโอกาสรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาด หากสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อหรือพบอาการที่เข้าข่าย เช่น มีไข้ ผื่น หรือตุ่มที่ไม่คุ้นเคย ควรเข้ารับการตรวจและพบแพทย์ทันที