กระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น ใครเป็นสายเอ็กซ์ตรีมชอบเที่ยวป่าเดินเขา อยากประลองความฟิต ต้องไปพิชิต “เขาหงอนนาค” จ.กระบี่ ซึ่งตามตำนานเชื่อว่าเป็นสถานที่ของ “พญานาค” ดื่มด่ำความอลังการของวิวพ้อยท์หลักล้าน ชมความงามของเกาะน้อย-ใหญ่ ที่เรียงรายเป็นป่าเกาะกลางทะเลในมุมมอง 360 องศา
เขาหงอนนาค ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวยอดฮิตในกระบี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้ง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ.4 (ทับแขก) ห่างจากตัวเมือง “กระบี่” ประมาณ 30 กิโลเมตร ถ้าจะไปต้องเหมารถ หรือเช่ารถ เช่ามอเตอร์ไซค์เข้าไป แต่ถ้าคุณพักแถวหาดทับแขกก็จะสะดวกสุดๆเพราะเดินไปยังอุทยานฯได้เลย
มาถึงเขตอุทยานฯจะขึ้นเขาหงอนนาค ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกันก่อน คนไทย 40 บาท ต่างชาติ 400 บาท ขึ้นได้ตั้งแต่ 8.00-14.00 น. ทางเดินขึ้นเขา ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาขึ้นลงเขาร่วม 4-6 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละคน
ถึงเวลาลุยกันแล้ว หลังจากเตรียมฟิตร่างกายมาเป็นอย่างดี ใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก่ง เอาเฉพาะของที่จำเป็นและอย่าลืมน้ำดื่ม ทุกอย่างครบ พร้อมขึ้นเขาที่ว่ากันว่าโหดหินมาก
เราเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหงอนนาค ช่วงกิโลเมตรแรก ยังเดินป่าสบายๆ ทางกว้าง เดินเรื่อยๆไปตามทางเดินเป็นหินส่วนใหญ่ ทางยังไม่ชันมาก เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสองข้างทาง ที่รายล้อมไปด้วยความอุดสมบูรณ์ของต้นไม้ใหญ่ในป่าดิบชื้น
หายใจเติมอ็อกซิเจนให้ชุมปอดไปเลย ระหว่างทางก็ชมดอกไม้ป่า สัตว์ตัวน้อยอาจมาปรากฏกายให้เห็นเช่นตัวเงินตัวทอง นกสวยๆ เป็นต้นฟังเสียงน้ำไหลตามลำธาร เสียงนก เสียงสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ชิลล์ๆกันไป
แต่เมื่อเข้าถึงช่วงระหว่างกิโลเมตรที่ 2-3 ขึ้นไป ความท้าทายมาแล้วจ๊ะ ทางเดินขึ้นเขาจะชันขึ้นเรื่อยๆ บางจุดก็แคบ แม้บางช่วงจะมีบันไดไม้ให้เดินขึ้นได้สะดวก แต่ก็ชันมาก บางช่วงก็ต้องค่อยๆไต่โขดหินขึ้นไป สภาพแทบจะอยากคลานขึ้นเลยจ๊ะ
หัวใจเต้นแรงมากแทบทะลุออกมาจากอกกันเลยทีเดียว ทนไม่ไหวเราก็ต้องนั่งพักเหนื่อยกันเป็นระยะๆ มองความเขียวขจีของป่า มีมอสแผ่กระจาย ดูราวกับพรมธรรมชาติสีเขียว
ต้นไม้เปลือกสีสวยๆ มองวิวยอดไม้สลับท้องฟ้าฟ้าไปเรื่อยๆระหว่างพักเอาแรง บนยอดเขาคือแรงบันดาลใจให้เดินขึ้นไปต่อ โดยไม่ถอดใจไปเสียก่อน
ระหว่างทางเดินขึ้นเขา จะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 13 จุดให้เราได้ชมความสวยงามทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง มอสสีเขียวขึ้นปกคลุมพื้นหิน
ทั้งยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดจากน้ำผุดขึ้นมาจากดินบนยอดเขา เป็นบ่อน้ำเล็กๆที่มีน้ำใสไหลตลอดปี หรือ “น้ำตานาค” เชื่อกันว่าเมื่อได้อธิษฐานขอพรจากโต๊ะนาค พร้อมทั้งดื่มน้ำหรือนำมาลูบหน้า จะสมปรารถนาในสิ่งที่ขอและถือเป็นสิริมงคลของชีวิต
อีกสถานที่ที่น่าสนใจ ได้แก่ “สะดือนาค” ซึ่งเป็นบ่อน้ำเล็กๆ และมีน้ำไหลตลอดปีเช่นเดียวกัน เชื่อกัน ว่าทั้งน้ำตานาคและสะดือนาคนั้น เป็นน้ำที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่สถานที่ของบ่อน้ำทั้ง 2 นั้นห่างกันมากโดยมีการเชื่อมต่อตามแนวภูเขา ซึ่งเชื่อว่าเป็นลำตัวพญานาคที่ ทอดยาวออกไปจากหงอนนาคจนถึงสะดือนาค
ฮึบๆ ก้าวขึ้นเขาไปเรื่อยก็ถึง “จุดชมวิวเขาหงอนนาค” ซึ่งเขาหงอนนาค จะสูงกว่าระดับน้ำทะเล 565 เมตร มุมมองทะเลจากบนยอดเขา คือ สวยตะโกนมาก เห็นวิวแล้วหายเหนื่อย ทิวทัศน์ของหมู่เกาะน้อย-ใหญ่ จากอ่าวนางไปถึง หมู่เกาะห้อง ทะเลแหวก เกาะยาวจรด อ่าวท่าเลน มองเห็นป่าเกาะเรียงรายอยู่กลางทะเล ในมุมมองแบบ 360 องศา ลมเย็นสบายดีต่อใจมาก
จากจุดชมวิวเขาหงอนนาค จะมีทางเดินขึ้นมายังยอดเขา เราต้องปีนหิน ขึ้นมาอีก 100 เมตร ซึ่งจะมีเชือกให้จับ ต้องใช้ความระมัดระวังสุดๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ไฮไลท์คือ “ชะง่อนผาหิน” บนยอดเขาหงอนนาค ที่ใครๆก็อยากมาถ่ายรูปกัน ณ จุดนี้ แต่ช่วงนี้เพื่อความปลอดภัยทางอุทยานฯจะห้ามไม่ให้เข้าพื้นที่ตรงชะง่อนผา เราเลยต้องไปควานหาภาพที่เคยถ่ายไว้มาลง
มาถึงที่นี่บอกได้เต็มปากเลยว่าได้พิชิตเขาหงอนนาคสำเร็จแล้ว แม้เส้นทางจะลำบาก แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,933 วันที่ 22 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566