จากที่ภาครัฐมีเงินสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV สูงสุด 1.5 แสนบาท/คัน (ไม่รวมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี) เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาเลือกใช้รถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ไม่แปลกใจที่จะพบเห็นรถประเภทนี้บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะมียอดขายของปีนี้ไม่ต่ำกว่า 60,000 คัน
แต่เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งต้องมีการชาร์จไฟ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานหลายอย่าง รวมถึงความสามารถในการขับรถยนต์ไฟฟ้า EV ลุยน้ำท่วม ก็เป็นอีกหนึ่งความกังวลสำหรับผู้ขับขี่เช่นเดียวกัน จากสภาพอากาศของประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ยิ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ท้องถนนอาจประสบปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบาย ที่แม้แต่รถที่ใช้น้ำมันเองก็เกิดความเสียหายได้เช่นเดียวกัน โดยรถยนต์ไฟฟ้า EV ส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีระดับการป้องกันอยู่ที่มาตรฐาน IP67 ขึ้นไป
มาตรฐานระดับการป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วม
มาตรฐาน IP (International Protection Standard หรือ Ingress Protection Rating) เป็นตัวบ่งชี้ระดับมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและน้ำสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักร โดยวิธีการบอกระดับจะเป็นการใส่ตัวย่อ IP และตามด้วยตัวเลขระดับต่างๆ
ซึ่งตัวเลขข้างหน้าจะเป็นมาตรฐานการป้องกันของแข็ง เรียงระดับจาก 0 - 6 ส่วนเลขหลังจะเป็นมาตรฐานการป้องกันของเหลว เรียงระดับจาก 0 - 9 ซึ่งแปลได้ว่ายิ่งตัวเลขระดับสูงเท่าไหร่ มาตรฐานการป้องกันก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
มาตรฐาน IP67
เลข 6 จากมาตรฐาน IP67 เป็นมาตรฐานที่แสดงว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือของสิ่งนั้นสามารถป้องกันฝุ่นได้เป็นอย่างดี ส่วนเลข 7 คือระดับความสามารถในการป้องกันการแทรกซึมจากการถูกแช่น้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาทีนั่นเอง
คำแนะนำจากค่ายรถ เกรท วอลล์ มอเตอร์
ค่ายรถยนต์ EV จากประเทศจีนที่มาลงทุนสร้างฐานผลิตในไทย อย่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ออกมาให้คำแนะนำล่าสุดว่า รถในค่ายสามารถขับลุยน้ำได้ 40 เซนติเมตร และแบตเตอรี่สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 แต่หากผู้ขับขี่จำเป็นต้องเดินทางผ่านถนนที่มีน้ำขัง ควรประเมินระดับน้ำเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อน โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือ ระดับน้ำไม่ควรสูงกว่าครึ่งล้อรถเรา และถ้าอยู่ในระดับฟุตบาทริมทางถือว่ายังสามารถเดินทางต่อได้
แต่หากดูแล้วว่าระดับน้ำน่าจะท่วมสูงจนเลยขอบประตูรถขึ้นมา ให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางนั้นจะดีที่สุด เพราะน้ำอาจเข้ามาในตัวรถจนทำให้ระบบต่างๆ เกิดความเสียหาย และรถอาจหยุดทำงานกลางทางได้ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ถนนเส้นทางนั้นจริงๆ ไม่แนะนำให้ฝืนขับลุยน้ำต่อไป ควรรอจนกว่าน้ำจะได้รับการระบาย เพื่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่ที่อาจถูกกระแทกจากสภาพถนนที่มองไม่เห็น
คำแนะนำจากค่ายรถ MG
ทาง MG เผยว่ารถของตนได้ผ่านการทดสอบการป้องกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP67 รวมถึงผ่านการทดสอบการขับลุยน้ำที่สูงระดับ 40 เซนติเมตรเช่นเดียวกัน ผลพบว่ารถยังสามารถทำงานได้ปกติ แต่หากผู้ขับขี่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังสูงเป็นระยะเวลานานเกิน 30 นาที MG แนะนำว่าให้นำรถขึ้นที่สูง และรอระดับน้ำลดลงก่อน จึงค่อยเดินทางต่อ เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นของแบตเตอรี่และตัวรถ
ทั้งนี้ แม้จะมีมาตรฐานการป้องกันน้ำที่สูงแค่ไหน ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV จำเป็นที่จะต้องประเมินสถานการณ์เบื้องต้นในกรณีที่ฝนตก และวางแผนเส้นการเดินทางให้ดี เพื่อป้องกันและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงควรตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่คงเหลืออยู่เสมอ ว่ามีพลังงานเพียงพอต่อการเดินทางที่ยาวนานหรือไม่ จะเป็นวิธีใช้งานรถ EV ที่ปลอดภัยและเพิ่มความรัดกุมได้ดีที่สุด