วันนี้(4 เมษายน 2564) ณ ศูนย์ประสานงานซอย วิภาวดี 64 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ศูนย์ประสานงานภาคกลาง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงกรุงเทพ และประธานภาคกลาง ว่าที่ร้อยตรีบรรณพต คงเทียน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงสมุทรปราการ ร่วมออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับการจัดม็อบชุมนุมคนเสื้อแดงของ “คุณจตุพร พรหมพันธ์” ประธาน นปช.เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงกรุงเทพ และประธานภาคกลาง ได้กล่าวว่า ทางคณะทำงาน “ศูนย์ประสานงานอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงกรุงเทพฯและภาคกลาง” ได้ลงมติกันแล้ว หลังจากที่เมื่อวานพวกเราได้ประชุมทางไลน์ กับทางประธานแต่ละจังหวัดทั้งกรุงเทพฯ และ เขตปริมณฑล เพื่อแสดงจุดยืนของ “คนเสื้อแดง” และ “อดีตสมาชิกหมู่บ้านเสื้อแดง” ว่า เราจะไม่ไปร่วมกิจกรรมในวันนี้ คือ 4/4/2564 อย่างเด็ดขาด เพราะเราเชื่อและยืนยันเสมอว่า วันนี้คนเสื้อแดงในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกหลอกมาให้มาทำการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงสู้เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้นเอง นอกจากนั้นแล้วทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านเองก็มาจากการเลือกตั้ง ตามที่พวกเราเคยเรียกร้องขอมาว่า “คืนอำนาจให้กับประชาชนแล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.” ท่านเองก็ได้ทำตามคำพูดที่พวกเราเรียกร้องขอ พวกเราจึงได้ยุติบทบาทการเรียกร้อง จนประเทศไทยมาเจอวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านก็ได้แก้ไขวิกฤตินั้นพาประเทศไทยสู้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ จนนานาประเทศยอมรับว่า “ประเทศไทยป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดไวรัสโควิด-19 ระบาดได้เป็นอย่างดี” ท่านเองก็ออกมาเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แม้ว่าคนกรุงฯจะไม่มีเกษตรกรมากมายเหมือนกับต่างจังหวัด แต่ผู้ประกอบการและพนักงานตามโรงงานอุตสาหกรรมก็ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลเป็นอย่างดี
นายไวทิต กล่าวอีกว่า ตนขอเป็นตัวแทนคนเสื้อแดง และ “อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง” ยืนยันว่า วันนี้ 4 เมษายน 2564 จะไม่ไปร่วมม็อบชุมนุมกับ “คุณจตุพร” อย่างเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้อดีตที่ผ่านมา มาเจอกับมวลชนของตนเองอีกครั้ง เพราะมวลชนคนกรุงฯ จะไม่ได้รับผลกระทบมากจากเหตุการณ์ 2553 เหมือนกับมวลชนต่างจังหวัด แต่หลาย ๆ ครอบครัวก็พากันตกงาน ยากจน ไม่มีที่อยู่อาศัยและทำกินเพราะมัวแต่ไปชุมนุมเรียกร้องเป็นเครื่องมือให้กับแกนนำ สุดท้าย “แกนนำสู้แล้วรวย” ส่วนมวลชน “สู้แล้วจน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง