คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า ผู้ประกันตนกว่า 2 ล้านคนที่ตกหล่น กำลังถูกทอดทิ้งจากมาตรการเยียวยาของรัฐ รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เคาะมาตรการเยียวยาด้านเศรษฐกิจอีกรอบ หลังจากเจอวิกฤติโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ที่นอกจากจะเป็นภัยคุกคามชีวิตในด้านสุขภาพแล้ว
ยังเป็นภัยคุกคามในด้านเศรษฐกิจอย่างหนักหนาสาหัสไปพร้อมกันด้วย โดยเฉพาะคนตัวเล็กที่เป็นกำลังแรงงานสำคัญ ในฐานะฟันเฟืองของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หลายคนต้องถูกเลิกจ้าง ต้องตกงานกระทันหัน ถูกปรับลดเงินเดือนขาดรายได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ต้องดูแลตัวเอง แต่ยังมีปากท้องของครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบอีกหลายชีวิตด้วย หนึ่งในมาตรการเยียวยา ที่ออกมารอบใหม่ คือการขยายเพิ่มวงเงินช่วยเหลือช่วยเหลือผู้ประกันตนใน โครงการม.33 เรารักกัน มีจำนวนกลุ่มเป้าหมาย ประมาณ 9.27 ล้านคนกรอบวงเงิน 18,500 ล้านบาท โดยจะเพิ่มวงเงินให้ผู้ประกันตนตาม ม.33 อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีระยะเวลาใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ขณะที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาให้ผู้ประกันตนตามม.33 มารอบหนึ่งแล้วในการระบาดระลอกที่สอง เป็นจำนวนเงินคนละ 4,000 บาท มีจำนวนกลุ่มเป้าหมายประมาณ 9 ล้านคนเช่นเดียวกัน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ที่น่าสนใจคือ ผู้ประกันตนตาม ม.33 มีตัวเลขในระบบจริงอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านคน นั่นหมายความว่ามีคนอีกเกือบ 2 ล้านคนที่ตกหล่นจากมาตรการเยียวยาดังกล่าว ทั้งๆที่พวกเขาก็ส่งเงินเข้าระบบเช่นเดียวกัน มีข้ออ้างว่าที่ตกหล่นเพราะระบบสแกนหน้าไม่ตรง หรือระบบไม่ลิ้งกับบัตรประชาชนบ้าง แต่ชัดเจนแล้วว่าเป็นเพราะระบบบริหารจัดการที่ล้มเหลวมากกว่า ทำให้มีการตกหล่นของคนที่เดือดร้อน รอบเก่ายังไม่ได้รับการดูแลรอบใหม่ที่กำลังจะมาก็ยังไม่ครอบคลุม ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนต้องลุกขึ้นมาทวงสิทธิของตัวเอง อย่างกลุ่มขอคืน ไม่ใช่ขอทาน ที่ต้องการนำเอาเงินชราภาพ ที่พวกเขาส่งไปแล้วคืน เพื่อมาประทังชีวิตในยามลำบาก
"ถ้านับทั้งระบบจะมีผู้ประกันตนถึง 16 ล้านคน ถ้าเฉลี่ยส่งเงินคนละ 1,000 บาท หมายความว่าจะมีเงินในระบบถึง 16,000 ล้านบาท วันนี้เจ้าของเงินคือ ประชาชน ได้รับความลำบากเขาลุกขึ้นมาทวงเงินเขา เพราะเขาตกหล่น รัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือ ขอคืนก็ไม่ให้ ขอกู้ออกมาใช้ก่อนก็ไม่ยอม ขอเลือกว่าจะรับเป็นบำเหน็จหรือบำนาญก็ไม่รับฟัง วันนี้เจ้าของเงินลำบากมาก แต่ที่ผ่านมาบอร์ดมีการนำเงินไปลงทุนในบางกิจการที่ขาดทุน ถามว่ามีการรับผิดชอบหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ กระบวนการดังกล่าวประชาชนเจ้าของเงินไม่ได้ตัดสินใจร่วมด้วยเลย แต่พอลำบากต้องมาขอให้ดูแล แต่ก็ยังตกหล่นอยู่ดี"
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า แถมเดือนหน้าตนทราบว่า พี่น้องต้องกลับมาจ่ายประกันสังคมเต็มอัตราแล้วทั้งๆ ที่สถานการณ์ยังหนักหน่วง การทำมาหากินลำบาก นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียวที่สะท้อนการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพรัฐบาลบอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแต่พี่น้องผู้ประกันตนที่ตกหล่นการเยียวยาถูกทิ้งแล้ว และกำลังจะถูกทิ้งอีกรอบ ต้องรีบเข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วนและให้ทั่วถึงในทันที อย่าให้วิกฤติซ้ำเติมพวกเขาไปมากกว่านี้อีกเลย ขอรัฐบาลดูแล คนตัวเล็กด้วย