"ฐานเศรษฐกิจ" ยังคงเกาะติดประเด็นร้อนกรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เสนอให้ที่ประชุม กกต.มีคำสั่งให้เป็นกรณีความปรากฏต่อ กกต.ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง
ทั้งยังยินยอมให้พรรคการเมืองส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อรวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่า ตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หรือไม่นั้น
เมื่อพลิกดูพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 ซึ่งระบุไว้ในมาตรา 151 ว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี
ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย