วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า วันที่ 17 ตุลาคม ของทุกปีถือเป็นวันตำรวจ มีกิจกรรมตั้งแต่ภาคเช้า ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บวงสรวง วางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชการที่ 4 มีพิธีสงฆ์ ถวายเป็นพระราชกุศล และอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตในระหว่างปฎิบัติหน้าที่
และมีการมอบรางวัลให้กับการปฎิบัติหน้าที่จากสายงานต่างๆ ดีเด่น รวมถึงภาคเอกชนและประชาชนพลเมืองดีต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือกิจการของตำรวจ การทำกิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์ในต่างจังหวัด หลังจากนี้จะเดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ หรือป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ
ส่วนในช่วงบ่ายที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะมีการสวนสนามเนื่องในวันตำรวจของนักเรียนนายร้อยตำรวจ และหน่วยต่างๆ วันนี้เน้นการทำกิจกรรมเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ ไม่เน้นการจัดเลี้ยงในสถานที่ทั่วไปของสถานีตำรวจทั่วประเทศ ไม่มีนโยบายให้มีการจัดเลี้ยง เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้นำไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับประชาชนดีกว่า ซึ่งได้สั่งการลงไปเรียบร้อยแล้ว
และมีเรื่องที่จะทำเพื่อเป็นของขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ ซึ่งจะมีโครงการต่างๆ เนื่องในวันตำรวจที่เป็นของขวัญ และขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจจะเกิดขึ้นรวมเป็นแพ็คเกจ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขออวยพรขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เคารพนับถือ ตลอดจนพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ขอให้ปกปักรักษาเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่
วันนี้เราเป็น Police HOME แนวคิดของผู้บังคับบัญชาทุกคนให้อยู่กันเป็นบ้าน ที่มีความรักความผูกพันจะลดกำแพงระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาลง ให้มีความรู้สึกว่าเราคือ ครอบครัวเป็นพี่เป็นน้อง
ผู้บังคับบัญชาเราคุยกันหมดว่า จะลงไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี เพื่อส่งถ่ายความสุข และความรักสู่พี่น้องประชาชน ซึ่งขณะนี้ตนคิดว่าตำรวจมีกำลังใจขึ้นเยอะเป็นนโยบายหลักของผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกคน
“หลังจากแต่งตั้งเสร็จแล้ว ก็จะไม่มีไหว้ครู ทุกคนจะต้องไปทำงานเลย อย่ามานั่งเสียเวลา ไปดูแลพี่น้องประชาชน เพราะรอไม่ได้ เมื่อคำสั่งเสร็จ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงไปเยี่ยมดูแลตำรวจระดับโรงพัก และจะรับฟังปัญหาความเดือดร้อนยากลำบาก” ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาเสร็จสิ้นแล้ว นโยบายของตนคือ fit fair fun จะออกมา
fit คือ การดูแลสุขภาพของข้าราชการตำรวจ เพราะจะเห็นว่าสุขภาพของตำรวจที่ทำงานหนัก แต่ไม่มีใครมาดูแลเรื่องสุขภาพ เมื่อตั้งระบบของโรงพยาบาลเสร็จสิ้นแล้ว จะมีแพทย์ออกไปดูเรื่องสุขภาพ และตรวจสอบสุขภาพจิตของตำรวจที่เครียด
fair คือ เบี้ยเลี้ยง เงินสวัสดิการ จะต้องยุติธรรมลงไปถึงคนที่ทำงานจริงๆ
fun คือ การทำงานอย่างมีความสุข เมื่อผู้บังคับบัญชาดูแลทั้งสุขภาพและสวัสดิการ น้องๆ ตำรวจจะมีความสุขในการทำงาน เมื่อมีความสุขในการทำงานสิ่งที่สัมฤทธิ์ผลที่สุด คือ การบริการพี่น้องประชาชน
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าตำรวจถ้าทำงาน ทำหน้าที่ แค่ 3 อย่าง คือ stop walk talk อย่างที่ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. เคยบอกไว้เสมอว่า “เขาร้อนมามาหาเรา เราดูแลเขา ถ้าเขาเดือดร้อน เขาโทรหา เราไปให้ไว เมื่อเขาไม่มา เขาไม่โทร เราไปหาเขา” เป็นสิ่งที่เราจะทำงานเชิงรุก หากทำได้ทั้ง 3 อย่างนี้ คิดว่าประชาชนจะรักตำรวจมากขึ้น จะทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อถามถึงการปราบส่วย หรือ การทุจริตต่อหน้าที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เราทำแน่นอน เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ทางนายกรัฐมนตรี ได้มอบไว้ให้ และมีพ.ร.บ.ตำรวจใหม่ ที่ออกมา จะจำกัดการทำงานของตำรวจ และสื่อสังคมออนไลน์ จะมีการตรวจสอบข้าราชการตำรวจ
“ผมพูดอยู่เสมอว่า หากตำรวจไม่ปรับตัว จะไม่ได้ไปต่อแน่ ฉะนั้นถ้าเราปรับตัวไม่ใช่แค่เฉพาะตัวเรา จะต้องปรับทั้งองค์กร เป็นนโยบายของทางรัฐบาลที่ได้สั่งมา ซึ่งผมเชื่อว่าตำรวจทุกคน ก็รู้ เนื่องจาก พ.ร.บ.ตำรวจใหม่บีบมาก มีคณะกรรมการจริยธรรมคุณธรรมที่จะฟ้องร้องกันหลายเรื่อง ถ้าเพื่อนข้าราชการตำรวจ ไม่ปรับตัว ไม่ได้ไปต่อแน่
ทั้งหมดเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่จะลงไปดู จึงมีการเน้นเรื่องสวัสดิการ เพื่อลดภาระต่างๆ ของตำรวจ และทำสวัสดิการให้ดีขึ้น เพื่อตำรวจจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” ผบ.ตร. ระบุ