วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลงานรัฐบาล 60 วัน หรือครบรอบการทำงาน 2 เดือน โดยมีหัวข้อต่าง ๆ ภายใต้นโยบายรัฐบาลที่สำคัญ ทั้ง มาตรการเร่งด่วน การท่องเที่ยว การคมนาคม การต่างประเทศ ยาเสพติด สังคม ทหาร ซึ่งรวมไปถึงกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และปัญหาอุปสรรคในการทำงาน
โดยในการเปิดเผยผลงานของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน รอบ 60 วัน แยกเป็นเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
นโยบายลดรายจ่าย : นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปรับลดค่าไฟฟ้าจนเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นนโยบายแรกที่ทำได้ก่อน ตามมาด้วยการลดราคาน้ำมันดีเซล ขณะที่น้ำมันเบนซิน เดิมยังศึกษายังไม่ดีพอจึงยังไม่ลด แต่ต่อมาก็ได้มีการปรับลดลง ถือเป็นการลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง
อีกส่วนคือลดรายจ่ายทางด้านดอกเบี้ย โดยมีการพักหนี้เกษตรกร และต่อไปจะทำเรื่องของการดูแลเรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นการลดปัญหาเรื่องหนี้สิน โดยจะเป็นแผนการทำงานในระยะกลาง ล่าสุดได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องของการลดหนี้ของหนี้นอกระบบ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน หลังพบว่ามีผู้ทำผิดกฎหมายเรื่องการชาร์จดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากำหนดที่กฎหมายระบุไว้
ทั้งนี้ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นั้น ภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้ และลงไปทำปฏิบัติการได้ภายในกลางเดือนธันวาคม 2566 นี้
เงินดิจิทัล 10,000 บาท : นายกฯ กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งมีหลายมิติ โดยในวันที่ 10 พฤศจิกายน นี้ จะแถลงข่าวในรายละเอียดทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ทั้ง เรื่องหลักการ เรื่องที่มาที่ไปของเงิน ใครได้รับบ้าง ใช้กับสินค้าประเภทใดได้บ้าง ระยะทางที่กำหนดไว้ตามบัตรประชาชนเป็นกิโลเมตรหรือเป็นอำเภอหรือเป็นตำบล ซึ่งจะมีการชี้แจงต่อไป
การเกษตร : นายกฯ ระบุว่า เรื่องการดูแลเกษตรกรเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรหลาย 10 ล้านคน โดยให้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำการเกษตร เพราะเรื่องของผลผลิตต่อไร่ของพืชผลหลาย ๆ ชนิดของไทยยังเป็นรองบางประเทศ รัฐบาลจึงต้องหาองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร
ส่วนการใช้กลไกลการตลาดในการเปิดการตลาดใหม่ๆ รัฐบาลจะเปิดประเทศใหม่ ๆ ที่มีการขยายตัวของประชากรสูง เช่น แอฟริกา และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง หรือการให้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการทำเกษตรกรรม ทั้งการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มาแทนปุ๋ยเคมี เป็นต้น
นายกฯ ยอมรับว่า เรื่องของภาคการท่องเที่ยวถือเป็นการเพิ่มรายได้อีกส่วนหนึ่งอีก โดยมีการให้วีซ่าฟรีกับนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน ไต้หวัน และอินเดีย และยกเว้นตม.6 ที่ทางภาคใต้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาบริเวณชายแดนมาเลเซียมากขึ้น รวมทั้งการอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองที่ปรับปรุงให้เกิดความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งการขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวรัสเซีย
ส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งในกรุงเทพฯ แล้วก็ในจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ รัฐบาลก็มีแนวทางการพัฒนาสนามบิน โดยในช่วงที่ผ่านมา สนามบินสุวรรณภูมิเองก็มีการขยายโซน 1 เช่นเดียวกับสนามบินเชียงใหม่กับภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักของการท่องเที่ยวของไทย
โดยในส่วนของสนามบินเชียงใหม่ จะมีการขยายเวลาเป็น 24 ชั่วโมงทำให้เครื่องบินสามารถบินมาลงได้ ทำให้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และในระยะยาวจะสร้างสนามบินเชียงใหม่ International เช่นเดียวกับภาคใต้จะมีสนามบินอันดามัน International อยู่ในในพื้นที่ของจังหวัดพังงา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องเมืองรองรัฐบาลก็ไม่ได้ละทิ้ง ยังมีอีกหลาย ๆ สนามบิน ซึ่งอาจจะต้องไปพัฒนา เช่น สนามบินน่าน จะต้องอัพเกรดไปเป็น น่าน International Airport การอัพเกรดไม่ยาก เพียงแต่เอาเจ้าหน้าที่เข้าไปดูเรื่องตรวจคนเข้าเมือง กับเรื่องของศุลกากรและต้องติดไฟ เพราะสนามบินน่านยังไม่มีไฟ
นายกฯ กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงว่า เรื่องของการคมนาคมเชื่อมต่อไปทั่วประเทศ โดยเรื่องรถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องสำคัญ การก่อสร้างจากกรุงเทพฯไปถึงนครราชสีมามี 14 สัญญา และจะต่อจากนครราชสีมาไปถึงขอนแก่น และขอนแก่นไปถึงหนองคาย และไปถึงหนองคายข้ามไปลาวแล้วก็ลาวไปถึงประเทศจีนได้
“พืชผลต่าง ๆ ที่เราส่งไปจะมีประโยชน์มากถ้าเรามีรถไฟความเร็วสูง เพราะเราก็ทราบดีอยู่ว่าพวกผลไม้ต่าง ๆ ต้องใช้เวลาในการที่จะเก็บเกี่ยวแล้วก็ส่งออกไปถ้าเกิดเวลานานเกินไปในการขนส่ง เรื่องของคุณภาพก็จะถูกด้อยลงไป เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เรายืนยันว่าเราจะดำเนินการต่อ”
ทั้งนี้ยอมรับว่า ในขั้นแรกระหว่างที่จะมีการทำเรื่องรถไฟความเร็วสูง ต้องทำทางคู่ก่อน และบางจุดต่าง ๆ ต้องมีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น สะพานข้ามจากหนองคายไปลาว ต้องมีการสร้างอีกสะพานหนึ่ง ล่าสุดได้คุยกับ สปป.ลาว เมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว จะมีการสร้างสะพานเชื่อมต่อไป
ทั้งนี้ยังมีเรื่องของการบริหารจัดการบริเวณด่านชายแดน โดยนายกฯ ยืนยันว่า ต้องทำให้ทันสมัย และมีการอำนวยความสะดวกผ่านระบบ Single Windows ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต้องควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อที่จะให้เกิด Easy to do business โดยจะนำร่องที่จังหวัดหนองคาย ให้เป็นด่านในการทดลองที่จะทำให้ Single Windows, Single From ที่จะเกิดขึ้นได้
นายกฯ เล่ารายละเอียดของการเดินทางไปต่างประเทศว่า เริ่มจากการไปประชุม UNGA ที่สหรัฐอเมริกา และถือโอกาสไปเจอผู้นำหลายประเทศ โดยมีการหารือถึงเรื่องของพลังงานสะอาด และ SDG
“ประเทศไทยเราเองก็ได้ไปพูดในหลาย ๆ เวที ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้สีเขียว ซึ่งจะมีการ Raise Fund เกิดขึ้น ก็เป็นการแสดงเจตจำนงให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเราเป็นห่วงเรื่องนี้ เราใส่ใจเรื่องนี้ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการที่จะทำให้เป็น Net Zero Carbon ให้ได้ เป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งเราส่งผลต่อในเรื่องของฐานอุตสาหกรรมการผลิต”
นายกฯ กล่าวว่า ยังได้ไปพบปะกับผู้นำต่างประเทศ และบริษัทใหญ่ ๆ ที่สนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย และในสัปดาห์หน้าจะไปประชุม APEC ที่ซานฟรานซิสโก โดยจะมีการไปเจรจาต่อ รวมถึงการลงนาม MOU ด้วย ส่วนเห็นตามหน้าสื่อต่างๆ ที่พูดไปว่า ขอเป็นเซลล์แมน ก็ต้องไปบอกว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่าเวลานี้ที่จะมาลงทุนที่ประเทศไทย
ทั้งนี้ยอมรับว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความด้านมาตรการส่งเสริมของบีโอไอ เพื่อสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานสะอาด รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติศักยภาพสูงมาอยู่ในไทย เช่น การบริการสุขภาพ โรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น
ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญ นายกฯ กล่าวว่า คือเรื่องของความต้องการวัวของจีนและซาอุดีอาระเบีย ที่มีความต้องการวัวอย่างมาก ซึ่งก็ล้อไปกับนโยบายของรัฐบาลที่จะสนับสนุนให้มีการเลี้ยงวัวเกิดขึ้นน แต่ว่าต้องไปลงรายละเอียดอีกที เช่น ซาอุดีอาระเบีย ต้องการวัวที่ชำแหละแล้ว เป็นต้น
แก๊งคอลเซนเตอร์ : นายกฯ ระบุว่า เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะพวกนี้หลอกลวงประชาชน โดยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลฯ ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกวาดล้างให้เด็ดขาด เช่นเดียวกับเรื่องการปิดบัญชีม้าต่าง ๆ โดยให้ประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประสานงาน ปปง. เพื่อให้มีการยึดทรัพย์เกิดขึ้น เพื่อเป็นการตัดต้นตอ
ปัญหาหนี้ครัวเรือน : นายกฯ ยอมรับว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP เพิ่มขึ้นจาก 76% มาเป็น 91% ซึ่งถือว่าเป็น Top 20 ของโลก ซึ่งถือว่าสูงมาก รัฐบาลจึงหาทางแก้ปัญหา 2 อย่างคือ ลดหนี้ กับเพิ่มรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำทั้ง 2 ทาง โดยการลดหนี้นั้น ได้ขอให้สถาบันการเงินช่วยกันบริหารจัดการและทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
“ปัญหาใหญ่กว่านั้น คือหนี้นอกระบบที่อยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทุกครั้งที่ออกไปหาเสียง จะมีฟีดแบ็คมาตลอดเวลา มีการคิดดอกเบี้ยกันแบบโหดมาก 10% ต่อเดือน ดังนั้นจึงประกาศไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะใช้หน่วยงานความมั่นคงเค้ามาช่วยเหลือกัน นายอำเภอ ผู้กำกับ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง เรียกเจ้าหนี้กับเจ้าหนี้มา แล้วก็มาคุยกัน”
ปัญหายาเสพติด : ถือว่าเป็นปัญหาวาระแห่งชาติ และต้องทำอย่างบูรณาการ โดยมีนายกฯ นั่งหัวโต๊ะในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยึดทรัพย์ ซึ่งขั้นตอนนี้ยังช้าอยู่ โดยคนที่ค้ายาเสพติดไม่ได้กลัวติดคุก แต่กลัวเรื่องการถูกยึดทรัพย์
สมรสเท่าเทียม : นายกฯ กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนได้สั่งการเรื่องนี้ไปแล้ว และภายใน 2 สัปดาห์นี้ต้องทำเรื่องของการสอบถามความเห็นของทุกภาคส่วน ก่อนเสนอเข้ามาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ได้ และน่าจะเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ยื่นเข้าไปเมื่อเปิดสภาครั้งต่อไป คือต้นเดือนธันวาคม เช่นเดียวกับสุราชุมชนก็ต้องทำเหมือนกัน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุก ๆ ฝ่ายด้วยเหมือนกัน
การเกณฑ์ทหาร : การเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ซึ่งเป็นนโยบายที่แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภานั้น ล่าสุด รมว.กลาโหม ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่องสรรพกำลังของทหารว่าต้องลดอย่างไร โดยยืนยันว่า ต้องให้เยาวชนเรามีสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ
ส่วนเรื่อง กอ.รมน. ได้มารหารือในสัปดาห์ก่อน เรื่องของการยุบหรือไม่ยุบ โดยยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เคยพูดตอนไปหาเสียงและการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ แต่ทุก ๆ องค์กรไม่ใช่ กอ.รมน. อย่างเดียว ก็ต้องมีการพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงไปกับของสังคม
"เรื่องปัญหาทางด้านสังคม ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ตามที เรามีการตั้งคณะกรรมการมาแล้ว โดยรองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ก็ได้เขียนไทม์ไลน์ที่ชัดเจนแล้ว" นายกฯ ระบุ
นายกฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า 60 วันที่ผ่านมาในชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม จริง ๆ แล้ว เราอาสาเข้ามาทำงาน ไม่มีสิทธิ์บอกว่าเหนื่อย ไม่มีสิทธิ์บอกอะไร แต่ว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดก็คือเวลาไม่พอ เวลาไม่พอทุกอย่าง เวลาไม่พอในการทำงาน เวลาไม่พอในการนอน เพราะต้องมีงานพูดคุย ต้องมีงานทำอะไรหลาย ๆ อย่าง
นายกฯ บอกด้วยว่า ตอนนี้ทีมงานเองก็ตระหนักดีถึงความสำคัญที่จะต้องเร่งเข็นผลงานออกมา Quick Win โดยการเร่งผลงานออกมา ก็ต้องมีการพูดคุยกัน มีการเชื่อมต่อกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยโต 1.8% น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
“หลาย ๆ เรื่องที่เราต้องทำ ขยายโอกาส ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องที่อยู่ในระยะกลางกับยาว เช่น การเจรจาเรื่องของสนธิสัญญาการค้า หรือ FTA เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเปิดให้เรามีการค้าขายทั่วไปกับทุกๆ ประเทศ ซึ่งเราต้องเร่งในการเจรจาเรื่องเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องดีที่ทุกคนตระหนักดีถึงความเร่งด่วนที่ต้องทำงาน และภาคส่วนที่สำคัญที่สุดภาคส่วนหนึ่งก็คือข้าราชการ การที่เราต้องให้ความมั่นใจว่าการโยกย้ายหรือการโปรโมทของข้าราชการเป็นเรื่องของการให้เกียรติ และการฟังความคิดเห็นของทุก ๆ หน่วยงานเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างมาก”
นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตอนนี้เรื่องใหญ่ คือเรื่องของปากท้อง รัฐบาลนี้ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปากท้อง อะไรทำได้จะทำก่อน แล้วก็จะทำอย่างไม่หยุดยั้งลืมเหน็ดเหนื่อย
“เหนือสิ่งอื่นใด ทุก ๆ ภาคส่วนต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ เราเองเราคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แล้วก็ทุก ๆ กระทรวง ทบวง กรม รวมถึงข้าราชการทั้งหลาย ได้พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ แล้วยังทำงานหนักต่อไป ขอให้มีความอดทนแล้วก็รับฟังความคิดเห็นของทุก ๆ ภาคส่วน รัฐบาลนี้ก็จะพยายามเขียนงานออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถทำได้” นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย