จับตาเอฟเฟกต์คดีการเมือง ชี้ชะตา เก้าอี้นายกฯ-ผู้มีบารมีนอกทำเนียบฯ

03 มิ.ย. 2567 | 07:37 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มิ.ย. 2567 | 08:36 น.

เอฟเฟกต์ การเมืองเดือนมิถุนายน 3 คดีดัง ศาลรัฐธรรมนูญ-อัยการสูงสุด เตรียมชี้เป็น-ชี้ตาย เก้าอี้นายกฯคนที่ 30 -แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ ผู้มีบารมีนอกทำเนียบฯ จับตา "แคนดิเดตนายกฯ" ส้มหล่น

เดือนมิถุนายน 2567 คอการเมืองมี "คดีดัง" ให้ต้องลุ้นระทึกถึง 3 คดี เพราะจะส่งผลต่อ "เก้าอี้นายกรัฐมนตรี" และ "ผู้มีบารมีนอกทำเนียบ" ตลอดจนทิศทางการเมืองในอนาคตอันใกล้ 

คดีแรก ศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลังก์พิจารณา “คดียุบพรรคก้าวไกล” จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้วินิจฉัยและมี "คำสั่งยุบพรรค" เนื่องจากมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง ฯ หรือ “คดีแก้ม.112”

จับตาเอฟเฟกต์คดีการเมือง ชี้ชะตา เก้าอี้นายกฯ-ผู้มีบารมีนอกทำเนียบฯ

คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ “ขยายระยะเวลา” ตามขอของพรรคก้าวไกลเป็น “ครั้งที่สาม” ซึ่งครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา 

ผลจากคดีนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ "ยุบพรรค" จะส่งผลให้กรรมการบริหารพรรค และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล จะโดน “ตัดสิทธิ์ทางการเมืองสิบปี” 

แม้พรรคก้าวไกลจะตั้ง "พรรคใหม่" แต่ก็จะไม่มีสิทธิเสนอชื่อ "หัวหน้ารัฐบาล" แข่งกับพรรคการเมืองที่มี สส. 25 ที่นั่งขึ้นไป 

คดีที่สอง ไปกันต่อที่ศาลรัฐธรรมนูญอีกเช่นเดียวกันที่จะวินิจฉัย “คดีถอดถอนเศรษฐา” หลังจากรับคำร้อง “กลุ่ม 40 สว.” ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีแต่งตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

โดยศาลรัฐธรรมนูญให้นายเศรษฐายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง "เศรษฐา" ให้สัมภาษณ์ว่า “ร่างแรก” ของคำชี้แจ้งเสร็จแล้ว คาดว่าจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้

จับตาเอฟเฟกต์คดีการเมือง ชี้ชะตา เก้าอี้นายกฯ-ผู้มีบารมีนอกทำเนียบฯ

ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ "เลวร้ายที่สุด" คือ นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ "ครม.รักษาการ" ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าจะมี "ครม.ชุดใหม่"

คดีที่สาม กรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ฯ และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 

อย่างไรก็ตามนายทักษิณได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่น “ขอเลื่อน” การฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ ออกไปเป็นวันที่ 25 มิถุนายน เพราะ “ติดโควิด” แต่อัยการอนุญาตให้เลื่อนถึงวันที่ 18 มิถุนายนนี้ 

คดีดังกล่าวหากอัยการส่งตัวนายทักษิณขึ้นฟ้องต่อศาล ต้องลุ้นว่า ศาลจะให้ "ประกันตัว" นายทักษิณหรือไม่ หากศาลไม่ให้ประกันนายทักษิณจะถูกนำตัวเข้าเรือนจำทันที 

จับตาเอฟเฟกต์คดีการเมือง ชี้ชะตา เก้าอี้นายกฯ-ผู้มีบารมีนอกทำเนียบฯ

เอฟเฟกต์คดีดัง 3 คดีดังกล่าว อาจจะส่งผลกระเทือนกระดานการเมือง-เก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยมี “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ที่อยู่ใน “ตะกร้าพรรคการเมือง” จำนวน 7 คน ได้แก่ 

  • พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค และนายชัยเกษม นิติสิริ 
  • พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค
  • พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค
  • พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกอบด้วย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
  • พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค