“สรรเพชญ”ชำแหละรัฐบาลผลงานไม่เป็นโล้เป็นพายเตือนรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ

04 ก.ค. 2567 | 10:34 น.

“สรรเพชญ”ชำแหละรัฐบาลทำงานจะครบปี “ผลงานไม่เป็นโล้เป็นพาย” เตือนต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขและรับมือปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว ก่อนเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้ง

วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะบริหารประเทศครบ 1 ปี ในเดือนสิงหาคมนี้ ว่า ปัจจุบันปัญหาปากท้องของประชาชนกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพต่าง ๆ กำลังทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผงชูรส ทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ของประชาชนที่กำลังตกต่ำ ซึ่งยังไม่เห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนจากรัฐบาล 

นายสรรเพชญ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลมุ่งแต่จะทำนโยบาย Digital Wallet และหวังว่านโยบายนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ ทำให้รัฐบาลไม่คิดวิธีการในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากการแจกเงินเพื่อหวังผลทางการเมือง 

โดยที่นโยบาย Digital Wallet นี้ ก็ถูกคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณแขวนไว้ เนื่องจากคำของบประมาณหลายแสนล้าน แต่มีเอกสารเพียง 2 หน้า อีกทั้งงบประมาณสำหรับทำโครงการนี้เสมือนอยู่ในอากาศไม่มีความชัดเจนใด ๆ ไม่มีผลการศึกษาถึงความคุ้มค่า

โดยเฉพาะหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพก็ไม่มี และจะส่งผลในการตรวจสอบงบประมาณ เพราะไม่ทีหน่วยงานใดกล้ารับเป็นเจ้าภาพทำเรื่องนี้ ซึ่งหากรัฐบาลปล่อยผ่านปัญหานี้ จะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจตามมาเป็นห่วงโซ่แบบงูกินหาง 

นายสรรเพชญ กล่าวอีกว่า ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับหนี้สาธารณะ ก็กำลังจะเพิ่มขึ้นจากการกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณมาทำนโยบายเรือธง 

อีกทั้งยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนเนื่องจากบรรดาธนาคาร สถาบันการเงินต่าง ๆ ปฏิเสธสินเชื่อของประชาชน โดยยอดการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) สูงถึง 70% ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ 

นอกจากนี้ เรื่องรายได้ของประชาชน ก็ยังไม่เพิ่มขึ้น และกำลังถูกซ้ำเติมจากปัญหาการเลิกจ้างงาน เพราะโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปิดตัวลง และย้ายฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดมาจากทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มค่าแรง อันเป็นการเพิ่มต้นทุนของภาคการผลิต โดยที่รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายในการช่วยเหลือ หรือ ชดเชยให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ 

ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพก็ส่งผลต่อประชาชน เนื่องจากเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่เกิด การจ้างงานก็ไม่เกิดด้วย 

อีกทั้งการทำโครงสร้างพื้นฐานที่จะดึงดูดนักลงทุนก็มีน้อย และจากรายงานล่าสุดของธนาคารโลก ก็ปรับลด GDP ของปี 2567 เหลือ 2.4% 

“สิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาล ประกอบกับที่หลายฝ่ายกำลังวิตกกังวลว่า ประเทศไทยอาจจะเจอวิกฤตที่หนักกว่าเหตุการณ์ต้มยำกุ้งในอดีต ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขและรับมือโดยเร็ว”

นายสรรเพชญ ได้เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งหาวิธีการในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะหากรัฐบาลยังนิ่งเฉย จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง และหากเกิดเหตุการณ์นั้น นโยบาย Digital Wallet ที่รัฐบาลหวังว่า จะเป็นเครื่องปั๊มหัวใจ จะกลายเป็นเพียงการหยอดข้าวต้ม เพราะระบบเศรษฐกิจได้เกิดความเสียหายจากการบริหารงาน ที่ผิดพลาดของรัฐบาล 

นอกจากนี้ เห็นว่าสิ่งที่นายกฯ ทำได้เร็วที่สุด คือ หยุดการเดินทางต่างประเทศ และหันมาเอาใจใส่เรื่องภายในประเทศมากกว่านี้ ไม่ต้องบินไปต่างประเทศมากเกินไป