“ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี” ให้ข่าวยืนยันว่า มติพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเอกฉันท์ ให้ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” มาจากพรรคเพื่อไทย
“มติที่ชัดเจนออกมาแล้วระหว่างพรรคร่วมกับพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำหลัก เราคุยกันทางพรรคร่วมทั้งหมดมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ให้นายกมาจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องนำเรื่องนี้กลับไปหารือกัน
ส่วนที่แกนนำเพื่อไทยและแกนนำพรรคร่วมเข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่า
“อาจจะคิดถึง ก็ไปเจอกันไม่เห็นมีปัญหาอะไร คนคิดถึงกัน เพราะผมเองก็ยังไปเยี่ยมบ้านท่านบ่อยๆเวลาคิดถึง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดได้ อย่าไปจินตนาการเยอะเลย เอาความเป็นจริงดีกว่า”
ส่วนการทำงานของคณะรัฐมนตรีรักษาการในช่วงนี้ ภูมิธรรม ระบุว่า ตามกลไกคณะมนตรียังทำหน้าที่รักษาการชุดเดิมทั้งหมด ดังนั้นทุกคนยังเป็นรัฐบาลพรรคร่วม ที่มีนโยบายเดิมที่ทำกันอยู่แล้ว ทุกคนมีหน้าที่บริหารจัดการ หน้าที่คือของเรา คือทำให้ต่อเนื่องไปให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด และคงจะมีกระบวนการในการเลือกนายกใหม่อีกครั้งโดยเร็ว
ส่วนกรณีมีการเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่31นั้น นายภูมิธรรม บอกกว่า ไม่แปลกเพราะแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยมี2ท่าน เป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ นายชัยเกษม ทั้งสองท่านเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติ มีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยพิจารณา และวันนี้พรรคเพื่อไทยมีนัดประชุมพรรคที่สภาฯ คงใช้ที่ประชุมนั้นหารือกัน และคงมีความเห็นของพรรค ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการพรรคการเมือง และเมื่อฟังความเห็นเสร็จก็คงจะนำมาคุยกันมนกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
ขณะที่ ปัญหาเรื่องสุขภาพของนายชัยเกษมนั้น มองว่า ก็เป็นธรรมดา เพราะนายชัยเกษม เคยป่วยหลังจากนั้นท่านได้ใช้ช่วงเวลาในการรักษาอย่างต่อเนื่องมาตลอด ครั้งสุดท้ายที่ตนเองได้เจอก็เหมือนคนปกติ ด้านกายภาพก็ออกไปตีกอล์ฟได้ ส่วนที่บอกว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็เป็นจินตนาการ ซึ่งตนเองมองว่า ควรดูที่สุขภาพท่านเป็นหลัก ถ้าท่านยืนยันได้แล้ว ดูแล้วสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นเรื่องการบริหารจัดการของพรรคแกนนำและพรรคร่วมที่จะต้องร่วมกันบริหารจัดการ โดยจัดการด้วยระบบบริหารที่ทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้
นักข่าวถามว่า หากนายกรัฐมนตรีเป็นนายชัยเกษม หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นนายกคั้นเวลาหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า “แล้วแต่สื่อไปเรียกกัน เป็นนายก ก็คือเป็นนายก ไม่มีนายกคั่นเวลา ในระบบกฎหมายไม่มีนายกคั่นเวลา ถ้าเป็นที่ยอมรับของสภา ก็ถือว่าเป็นนายก นายกก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ก็อยู่ที่การจัดทีมงาน”
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการโหวตเรื่องนายกรัฐมนตรีว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้มีมติที่จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล และยังยืนยันหลักการเดิมว่า ไม่มีการเกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112 และคาดหวังว่า นโยบายต่างๆ ที่ออกมาจะทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน
ส่วนที่มีกระแสว่าจะมีการนำพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มี เพราะท่านได้เป็นองคมนตรีแล้ว อย่าเอาข่าวแบบนี้ไปให้เกิดปัญหากับท่าน ท่านไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว
"และโดยมารยาทเราได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลตั้งแต่ครั้งที่แล้ว โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และโดยมารยาททางการเมืองก็ต้องสนับสนุนผู้ที่เป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย เป็นการทำงานต่อเนื่องจากคราวที่แล้วเท่านั้นเอง แต่จะต้องเข้าร่วมรัฐบาลใหม่ ก็จะต้องแถลงจุดยืนเท่านั้นเอง หลักการก็เหมือนเดิม ต้องสนับสนุนผู้ที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อมา"
ส่วนที่หลายคนกังวลเรื่องการเปลี่ยนโควตารัฐมนตรี ยังเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะกังวลเรื่องการทำงานที่ไม่ต่อเนื่อง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบทุกอย่างเหมือนเดิม เปลี่ยนแค่ตัวนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีของทุกพรรคยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปัญหา เราก็ทำงานต่อเนื่อง และทุกพรรคก็ทำงานต่อเนื่อง
พรรครวมไทยสร้างชาติก็พอใจการทำงานที่ผ่านมา ในการทำหน้าที่เดิมและพยายามทำให้หนักกว่าเดิมเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่ง 4 กระทรวงที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะส่วนตัวที่รับผิดชอบกระทรวงพลังงาน ก็จะพยายามเดินหน้าต่อในสิ่งที่เป็นปัญหาของประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรมก็เช่นเดียวกันที่มีอีกหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการ ในเรื่องของการพัฒนาประเทศและนักลงทุนด้านต่างๆ ส่วนกระทรวงการคลังก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด
ส่วนที่มีข้อกังวลเรื่องสุขภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย นั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ และตามที่เป็นข่าว พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมกันอีกที โดยมารยาท พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องให้เกียรติพรรคหลัก ส่วนปัญหาต่างๆเป็นเรื่องพรรคหลักที่จะต้องพิจารณา ไม่ใช่พรรคเรา
เมื่อถามว่ามีข้อตกลงเรื่องนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่มี ก็คงเหมือนเดิม แต่นโยบายหลักก็คงเหมือนเดิม และไม่ยุ่งเกี่ยวกับมาตรา 112 ส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาทุจริต
ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าหน้าต่อ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องถามพรรคเพื่อไทยเพราะที่ผ่านมาก็มีประเด็นที่สำคัญที่พรรครวมไทยสร้างชาติยังเป็นกังวล คือเรื่องของความชอบและชอบด้วยกฎหมาย และได้รับคำตอบจากกฤษฎีกาหมดแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นคนยืนยัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำ สส.พรรคภูมิใจไทย แถลงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยต่อการมีส่วนสนับสนุนบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีมติจากที่ประชุม ว่า พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยินดีสนับสนุนบุคคลในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี หรือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
"เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอบุคคลที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ในเวลา 10:00 น."
นายอนุทิน ยังกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยยังขอให้ประชาชนได้มั่นใจในจุดยืนของพรรค ที่ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนพรรคการเมือง หรือไม่สนับสนุนคนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเจตนารมย์ของพรรคภูมิใจไทยตามแถลงการณ์ที่ได้มีไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และถือเป็นข้อตกลงเดิมของพรรคร่วมรัฐบาล ในสมัยการจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นการให้เกิดความชัดเจน
ทั้งนี้ จากการที่พรรคภูมิใจไทยได้พบกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลาย ซึ่งทุกพรรคมีความเห็นไปในทางเดียวกัน และเพื่อให้เกิดความชัดเจนพรรคภูมิใจไทยขอให้มีการจัดการแถลงร่วมของพรรคร่วมรัฐบาล โดยให้แกนนำหรือพรรคเพื่อไทย ได้ยืนยันจุดยืนนี้ร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนในโอกาสแรกที่จะทำได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยเป็นผู้ที่เห็นด้วยกับเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลต้องออกมาแถลงจุดยืนร่วมกัน ว่าจะไม่มีการแตะ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ส่วนการที่บุคคลนั้น เคยเป็นผู้ที่บุคคลนั้นเคยเสนอ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีความกังวลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องชี้แจง พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถไปก้าวก่ายได้
ส่วนติดใจหรือไม่นั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า เรายินดีสนับสนุนบุคคลที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเหมาะสม ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องรอพรรคเพื่อไทยคัดเลือกบุคคลนั้นให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งในวันนี้เราได้แถลงจุดยืน ของพรรคภูมิใจไทยอย่างชัดเจน เราเดินตามกติกาทุกประการที่ให้แกนนำรัฐบาลเป็นคนเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี
พปชร. ย้ำ จุดยืน หนุน แคนดิเดตนายกฯ จาก เพื่อไทย ทั้ง ชัยเกษม-แพทองธาร
ล่าสุดวันที่ 15 ส.ค. 2567 ที่รัฐสภา พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ด้านกิจกรรมสัมพันธ์พร้อมด้วย สส.ของพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงจุดยืนต่อกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้(16 ส.ค.)
โดยนายสันติ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อแสดงจุดยืนแนวทางในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ดังนี้
1.พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนบุคคลในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
2.พรรคพลังประชารัฐ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนและธำรงซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พรรคพลังประชารัฐยังคงมีจุดยืนที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่จะไม่ร่วมกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
3.พรรคพลังประชารัฐ ยึดมั่นในนโยบายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้เกิดการส่งเสริมความปรองดองของคนในชาติ ให้มีความสามัคคี เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ในเรื่องเศรษฐกิจ และความเท่าเทียม รวมถึงจะพัฒนาประเทศชาติต่อไปให้มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ นายสันติ เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับพลเอกประวิตรเรียบร้อยแล้ว และท่านได้มอบหมายให้ ตนมาชี้แจงร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับหัวหน้าพรรค และก็มีมติชัดเจนตามที่ได้แถลงข่าวไป ซึ่งขอย้ำว่า สนับสนุนบุคคลใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และสิ่งสำคัญคือการยึดมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ ยังมี 4 โควต้าตามเดิม ซึ่งภายหลังจากได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ตนและนายสันติ จะมีการดำเนินการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีการสลับตัวบุคคลหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของหัวหน้าพรรค