นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีละเลยการแก้ไขปัญหาการระบาดของ "ปลาหมอคางดำ" ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรและประชาชนในวงกว้าง โดยชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลมีความเชื่อมโยงกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นต้นตอของการระบาดในครั้งนี้
นายณัฐชา อ้างรายงานของคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งเป็นผู้นำเข้าปลาหมอคางดำเพียงรายเดียวตั้งแต่ปี 2549 โดยมีข้อมูลว่า ปลาที่นำเข้านั้นตายทั้งหมด แต่กลับไม่มีการตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ขณะที่การระบาดรุนแรงเกิดขึ้นในปี 2567 รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม แม้จะมีกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง
“นายกฯ ไม่ให้ความสนใจกับปัญหานี้ แต่กลับไปรับช่อดอกไม้จากนายทุนใหญ่ ขณะเดียวกันยังมีหลักฐานเชิงภาพที่บ่งชี้ถึงความใกล้ชิดระหว่างครอบครัวของนายกรัฐมนตรีและบริษัทเอกชนที่ถูกตั้งข้อสงสัย” นายณัฐชา กล่าว
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า ระหว่างการลงพื้นที่ พบว่า มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทดังกล่าว ร่วมทำกิจกรรมกับหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมประมง โดยล่าสุดอธิบดีกรมประมงระบุว่า ไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นนานกว่า 14 ปี ซึ่งนายณัฐชา มองว่า เป็นการปล่อยปละละเลยของหน่วยงานรัฐ
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน
ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายณัฐชา ได้เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาใช้อำนาจที่ได้รับจากประชาชน ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการครอบงำของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ และยุติการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
โดยอ้างถึง "สทร." ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นชื่อย่อของกลุ่มผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่ควบคุมรัฐบาลในเงามืด โดยพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการบริหารประเทศในปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายของ นายณัฐชา มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาชนตอบโต้กลับอย่างดุเดือด ส่งผลให้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ในฐานะประธานที่ประชุม ต้องเข้าระงับเหตุ และเตือนให้ทุกฝ่ายใช้เวลาอภิปรายอย่างเหมาะสม เพื่อเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงข้อกล่าวหา