17 สิงหาคม 2565 - กรณี กนง.ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ทำให้ขณะนี้ ดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.75%ต่อปี และมีสัญญาณปรับขึ้นอีก 2ครั้งที่เหลือ กำลังเป็นข้อกังวลใจต่อการตัดสินใจ ในการซื้อบ้าน ซื้อคอนโดมิเนียม หรือ ที่อยู่อาศัย รวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระอย่างมาก เพราะแม้ขณะนี้ จะถูกประเมินว่า ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ น่าจะยังคงช่วยตรึงดอกเบี้ยต่ำไปให้นานที่สุด เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้ว่า อัตราดอกเบี้ย มีผลต่อการคำนวณวงเงินสินเชื่อ และ จำนวนเงินผ่อนต่อเดือนอย่างแน่นอน
เจาะมุมมองกูรูอสังหาฯดัง นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA) บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ให้ความเห็นว่า .....
ก่อนหน้านี้เคยเผยว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยไม่มีผลต่อความอยากซื้อบ้านของคน
แต่ก็มีคนถามว่าจะไม่มีผลได้ยังไงในเมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ต้องผ่อนธนาคารเพิ่มขึ้นพาลทำให้คนไม่อยากซื้อบ้าน
ในมุมมองนั้น ตนเองเห็นว่า ถ้าคนจะซื้อบ้านจริงๆ ยังไงเขาก็ซื้ออยู่แล้ว และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 0.25% นั้น ผ่อนธนาคารเพิ่มขึ้นแค่ประมาณ 300 บาท สำหรับยอดสินเชื่อ 1.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 500 บาทเมื่อปรับเพิ่ม 0.5% เมื่อกู้ธนาคาร
ทั้งนี้ จริงอยู่ที่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อยอดรวมที่ต้องผ่อนธนาคาร อีกทั้ง ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้นมีผลโดยตรงต่อการพิจารณาการขอสินเชื่อของธนาคารด้วย เพราะเท่ากับว่ายอดเงินที่ต้องผ่อนชำระรายเดือนของผู้ขอกู้เพิ่มขึ้นตามดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาวงเงินสินเชื่อ ถ้าใครที่มีวงเงินในการขอสินเชื่อกับรายได้ที่พอดิบพอดี ก็อาจจะมีปัญหาได้เช่นกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
นายสุรเชษฐ์ ย้ำว่า แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงไม่มากในแง่งวดผ่อนบ้าน แต่มีผลแน่นอน และถ้าจองซื้อบ้านไว้ เมื่อช่วงต้นปี 2565 ซึ่งจะมีไทม์ไลน์ ก่อสร้างเสร็จในช่วงนี้ และต้องยื่นขอสินเชื่อตอนนี้ เพราะตอนต้นปีอาจจะทำ Pre-Approved ผ่านแล้ว แต่อาจต้องมาทำใหม่อีกครั้ง และอาจจะมีปัญหาได้สำหรับบางคน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาจริงๆ ของการซื้อบ้าน คือ
คนไม่มีเงินหรือไม่อยากใช้เงิน ไม่อยากสร้างภาระระยะยาวมากกว่าจะกลัวดอกเบี้ยขาขึ้น