วี.เอ็ม.พี.ซี. ชี้ฟันธงโซนภาคตะวันออกเติบโตต่อเนื่อง-เมืองอุตสาหกรรมชายแดน แนวโน้มสดใส พร้อมกางแผนธุรกิจรักษาสมดุลกลุ่มสินค้าเพื่อขายและเพื่อเช่า ลั่นเร่งสปีด “อาทาระ โฮเทล ศรีราชา” มูลค่า 7,000 ล้านบาท เล็งเปิดตัวทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ย่านพระราม 2 มูลค่า 2,400 ล้านบาทปลายปี ย้ำเป้ารายได้รวมสิ้นปี 400 ล้านบาทแน่นอน มองอนาคตไทยปี 60 รุ่ง
นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด (VMPC) กล่าวถึงทิศทางและแนวโน้มด้านทำเลในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยว่า พื้นที่ในโซนภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ระยอง มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยเอื้อในการเจริญเติบโตอย่างมากมาย อาทิ ระบบสาธารณูปโภค การคมนาคม และส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ประกอบกับรัฐบาลให้ความสำคัญและมีโครงการขยายการลงทุนด้านการคมนาคมอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเมืองอุตสาหกรรมตามแนวชายแดนที่ในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตเช่นเดียวกัน เพราะจะกลายเป็นแหล่งผลิตสินค้า เพื่อการส่งออกที่สำคัญ นำมาซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงเข้าไปทำตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าประเภทโรงแรมที่มีชื่อว่า “อาทาระ โฮเทล” ระดับ 4 ดาว สูง 44 ชั้น บนเนื้อที่ 12 ไร่ มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้วกว่า 40% ซึ่งในส่วนของมอลล์มีพื้นที่รวมประมาณ 6,000 ตารางเมตร ปัจจุบันโครงสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการปล่อยเช่าพื้นที่ไปแล้วกว่า 60% ซึ่งในส่วนของมอลล์จะพยายามเร่งเปิดบริการให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ และมั่นใจว่าโรงแรมอาทาระ โฮเทล ศรีราชา จะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในปี 2561 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ด้านแผนการลงทุนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ “แอสเทรา เบลส” บนถนนพระราม 2 ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง เนื้อที่รวม 28 ไร่ จำนวน 221 หน่วย มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ขณะนี้ระบบสาธารณูปโภคและสร้างบ้านตัวอย่างเสร็จแล้ว แต่รอดูสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ส่วนบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นระดับไฮเอนด์ “แอสเทรา ไพรด์” บนถนนพระราม 2 เนื้อที่รวมกว่า 12 ไร่ จำนวน 47 หน่วย มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 50%
สำหรับรายได้ในปี 2559 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าและรายได้จากการขาย รวมทั้งสิ้นประมาณ 400 ล้านบาท และหากโรงแรมอาทาระ โฮเทล ศรีราชา เปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2561 สัดส่วนรายได้จากค่าเช่าจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 40% และรายได้จากการขายจะอยู่ที่ 60% จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าในสัดส่วนประมาณ 20% ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากการขาย
“การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต้องทำธุรกิจควบคู่กันแบบ 2 ขา คือ ต้องมีทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงและรองรับผลกระทบด้านรายได้ในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนหรือชะลอตัว เพราะค่าเช่าจะทำให้องค์กรมีรายได้ประจำและต่อเนื่อง ขณะที่รายได้จากการขายพอขายได้แล้วก็คือจบ โดยในส่วนของตลาดเช่า บริษัทฯ เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายในประเทศที่เป็นระดับกลางที่เป็นนักศึกษาและคนทำงาน รวมทั้งตลาดต่างประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเน้นเจาะตลาดระดับบนในทำเลที่มีศักยภาพและติดถนนสายหลัก”นายปริญญา กล่าว
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2560 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จาก 3 ปัจจัยหลักประกอบด้วย 1.ภาคการเกษตรฟื้นตัว เนื่องจากปัจจุบันน้ำในเขื่อนมีปริมาณเพียงพอที่จะใช้ได้ไปจนถึงปีหน้า ทำให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้และช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่าย 2. ภาระหนี้ครัวเรือนที่จะปรับตัวลดลง โดยเฉพาะโครงการรถยนต์คันแรกที่ภาระหนี้จะสิ้นสุดโครงการ และ 3. การลงทุนต่างๆ จากภาครัฐที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุน โดยมีภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สำคัญ ในขณะที่ภาครัฐช่วยลดขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ให้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,203 วันที่ 23 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559