อสังหาฯ ชี้ชัดแบงก์ระมัดระวัง-เข้มปล่อยกู้ ฉุดยอดสินเชื่อหด 2.7แสนล้าน  

 จากกรณี สินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 หดตัวลง 272,355 ล้านบาท หรือ -1.87% จากสิ้นปี 2566 สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร โดย 8 จาก 11ธนาคารมีสินเชื่อหดตัว  

เช่นเดียวกับมุมสะท้อนของ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”  ว่า การหดตัวลงของสินเชื่อในไตรมาส3 เกือบ3แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มองว่าธนาคารพาณิชย์ระมัดระวัง ในการปล่อยกู้

 แน่นอนว่า กระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และแม้ ธนาคารพาณิชย์จะลดดอกเบี้ยลง แต่สำหรับลูกค้าใหม่ถือเป็นเรื่องยากลำบากที่จะเข้าถึงสินเชื่อ  ในทางกลับกันจะสกรีนมาขึ้น เพราะไม่ต้องการตั้งสำรองหนี้เสีย

โดยจะเลือกลูกค้าชั้นดี มากกว่าเลือกปริมาณและต้องรับภาระภายหลัง เพราะธนาคารใหญ่ได้กำไรที่มากขึ้นเพียงพอ โดยไม่ต้องเร่งหาลูกค้าเพื่อปล่อยเพิ่มกู้อีก แต่จะหารายได้จากค่าธรรมเนียมและรายได้จากช่องทางอื่น

 อย่างไรก็ตาม 11 ธนาคารพาณิชย์ ผลประกอบการไตรมาส 3 มีกำไรรวม 6.47 หมื่นล้าน ขณะที่ 9 เดือนแรกปีนี้ ฟันกำไรทะลุ 1.92 แสนล้านบาทนายพรนริศคาดการณ์ว่าทั้งปีธนาคารพาณิชย์ น่าจะมีกำไร 2.4แสนล้านบาท โดย3ไตรมาส  มากกว่าปี2566ที่ มีกำไร 2.2แสนล้านบาท ซึ่งสวนทางเศรษฐกิจชะลอตัว   

“ธนาคารใหญ่ กำไรสูง ไม่ว่าจะเป็นแบงก์กรุงเทพ กสิกรไทย โดยกสิการไทยเป็นบวก14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาจไปโป่ง กับเช็กเตอร์อื่น และค่าธรรมเนียม ส่วน ที่ติดลบอาทิ  ธนาคารเกียรตินาคิน ที่มองว่าน่าจะปล่อยสินเชื่อให้กับรถยนต์มากและได้รับผลกระทบตามมา”

ส่วนมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่กระทรวงการคลัง เตรียมออกมา สำหรับสินเชื่อ  ซื้อ ซ่อม สร้าง แต่ง วงเงินรวม5.5หมื่นล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) หากธนาคารเข้มการปล่อยสินเชื่อ

เท่ากับว่า ประชาชนรายได้น้อยก็เข้าไม่ถึงสินเชื่ออยู่ดี หากย้อนไปดูสินเชื่อดี๊ดีย์ พบว่ายอดสินเชื่อยังคงเหลืออยู่  อย่างไรก็ตามนโยบายรัฐบาลดีแต่ธนาคารไม่ปล่อยก็ไม่มีประโยชน์

รวมถึง ปลายปี ทุกธนาคารลดดอกเบี้ยแต่มีผลไม่มากเพราะหากไม่ปล่อยกู้ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะภาคอสังหาริมทรัพย์จะต้องออกแคมเปญเพื่อจูงใจ จัดมหกรรมกระตุ้นโค้งท้ายปีวันที่ 31ตุลาคม

ทั้งนี้ การแข่งขัน ลด-แลก-แจก-แถมมากหรือน้อยขึ้นอยู่ทิศทางตลาดปีหน้าว่าเป็นอย่างไรแต่มองว่า ปีหน้าไปจนถึงปี 2569 สถานการณ์จะยังไม่ดีขึ้น เพราะยังมีความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกอีกมากอย่างสงครามการสู้รบที่ดูเหมือนไม่จบลงง่ายๆเป็นต้น