เจาะแนวคิดซีอีโอ สิงห์ เอสเตทปั้น "S OASIS” ออฟฟิศเกรด A นอก CBD

24 ต.ค. 2567 | 23:05 น.

สิงห์ เอสเตท เปิดเผยความสำเร็จของอาคารสำนักงาน S OASIS บนถนนวิภาวดีรังสิต มียอดเช่าพื้นที่ 40% พร้อมมั่นใจปิดการเช่า 50% ภายในสิ้นปี ตอกยํ้าความต้องการของตลาดที่มองหาอาคารมาตรฐานสากลและยืดหยุ่นต่อการเติบโตของธุรกิจ

ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีการทำงานของคนทั่วโลก หลายองค์กรปรับตัวด้วยการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (WFH) เพื่อความปลอดภัย

แต่หลังจากสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย แนวโน้มการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากหลายบริษัทเห็นความสำคัญของการสร้างปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวของพนักงาน

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงได้เปิดเผยถึงผลตอบรับที่ดีเกินความคาดหมายจากอาคารสำนักงาน S OASIS ซึ่งตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต โดยได้รับความสนใจจากองค์กรธุรกิจชั้นนำต่างๆ ตั้งแต่เปิดให้จองในเดือนพฤษภาคม 2566

ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อาคารสำนักงาน S OASIS ที่เปิดให้จองตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยปัจจุบันมียอดจองพื้นที่แล้ว 40% และคาดว่าจะสามารถปิดการเช่าได้ 50% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

S OASIS เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอแห่งเดียวบนถนนวิภาวดีรังสิตที่มีมาตรฐานและความทันสมัยระดับนี้ เราได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลไม่ว่าจะเป็น ISO, GBO 2024 และ LEED Gold ซึ่งเป็นการยืนยันคุณภาพของโครงการ

นางฐิติมา ยังกล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงานหลังยุคโควิด-19 ทำให้องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและความยั่งยืนมากขึ้น S OASIS จึงถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งด้านชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบกรองอากาศที่รองรับทั้งฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรค พร้อมระบบแสงสว่างที่เหมาะสมกับการทำงานที่ช่วยประหยัดพลังงาน

“ทุกธุรกิจในปัจจุบันมีโจทย์ใหญ่เรื่อง ESG ไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายย่อย กระบวนการดำเนินงานต้องไม่ปล่อยคาร์บอน รวมถึงต้องอยู่ในอาคารสำนักงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเรา” นางฐิติมากล่าว

ด้านทำเลที่ตั้ง นางฐิติมาระบุว่า S OASIS เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอหนึ่งเดียวนอกพื้นที่ใจกลางเมือง แต่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดตัดของการคมนาคม ทั้ง MRT, BTS, ทางด่วน และสถานีกลางบางซื่อ

ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเขต CBD แต่ต้องการทำเลที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม พลังงาน ไอที และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับศูนย์ราชการ

S OASIS ยังมีระบบ JUMP&SYNC ที่ให้ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ สำหรับผู้เช่าที่มีความต้องการขยายกิจการและระยะเวลาสัญญาเช่า ซึ่งสามารถปรับขยายพื้นที่ได้ตามการเติบโตของธุรกิจ พร้อมระบบเพดาน Knock-out Panel ที่รองรับการขยายเป็นออฟฟิศ 2 ชั้น

นอกจากนี้ S OASIS ยังมีจุดเด่นเรื่องการบูรณาการ (Integration) ผ่านพื้นที่ค้าปลีก ที่มีทั้งอาหาร บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ใช้อาคาร และลดเวลาในการเดินทาง

 

พร้อมสิทธิพิเศษผ่านโปรแกรม S Life Privilege ที่ให้ผู้เช่าสามารถบริการต่างๆ ของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ได้ รวมถึงบริการที่ช่วยดูแลและทำความสะอาดสำนักงานตามมาตรฐานสากล

“ในฐานะผู้บริหารองค์กร ต่างเข้าใจดีว่าการทำงานไม่สามารถทำคนเดียวได้ ต้องมีทีมงาน การใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานจึงสำคัญ S OASIS จึงถูกออกแบบให้พนักงานสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพทั้งกลางวันและกลางคืน” นางฐิติมากล่าว

เจาะแนวคิดซีอีโอ สิงห์ เอสเตทปั้น \"S OASIS” ออฟฟิศเกรด A นอก CBD

ทั้งนี้ นางฐิติมามองว่า อาคารสำนักงานเป็นสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ เป็นธุรกิจที่มีรายได้ประจำ ที่ขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย โดยตลาดอาคารสำนักงานยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ

แต่ด้วยศักยภาพของประเทศไทยทั้งด้านเสถียรภาพ กฎหมาย ภาษี และโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ จะเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุน ส่งผลให้เห็นถึงการปรับตัว และความต้องการพื้นที่สำนักงานเติบโตอย่างต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็แล้วแต่ การเติบโตนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนในอาคารสำนักงานที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการก่อสร้าง และการบริหารจัดการอาคารซึ่งทั้งสองอย่างต้องทำควบคู่กันไป