มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ใกล้คลอด คลังสหรัฐมั่นใจแรงขับเคลื่อนมาเต็ม
"เจเน็ต เยลเลน" รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลล์ที่กำลังอยู่ในกระบวนการทางรัฐสภา มั่นใจช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐและสร้างการจ้างงานอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าววานนี้ (8 มี.ค.) ว่า ร่างกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ผ่านการรับรองของวุฒิสภาแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมาและกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงมติโดยสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีทรัพยากรที่เพียงพอในการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
"นี่เป็นร่างกฎหมายที่จะช่วยเยียวยาชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจะทำให้เรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง" นางเยลเลนกล่าว พร้อมคาดการณ์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะทำให้สหรัฐมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในปีหน้า (2565)
ต่อข้อถามที่ว่า การใช้จ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างร้อนแรงจนเกินไป จะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่ นางเยลเลนแสดงความเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากการขยายตัวทางเศรษฐกิจทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นมาจริง ๆ ก็มั่นใจว่า รัฐบาลมีเครื่องมือในการรับมือปัญหาดังกล่าว โดยกระทรวงการคลังจะจับตาสถานการณ์ต่าง ๆอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 50 ต่อ 49 ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 57 ล้านล้านบาทเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 มี.ค.) ร่างกฎหมายกระตุ้นและเยียวยาเศรษฐกิจฉบับนี้ ประกอบด้วยงบประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันคนละ 1,400 ดอลลาร์ โดยเป็นการให้เงินช่วยเหลือครั้งเดียว นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงมาตรการช่วยเหลือคนว่างงานต่อเนื่องสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์ โดยครอบคลุมชาวอเมริกันราว 9.5 ล้านรายที่ตกงานอันเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 รวมทั้งมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน (อ่าน:สภาผู้แทนสหรัฐฯ รับไม้ต่อจากวุฒิสภาเตรียมไฟเขียว กม.กระตุ้นเศรษฐกิจอังคารนี้)
หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว ก็จะส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐพิจารณาทบทวนในวันนี้ (9 มี.ค.) ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ ก็จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปก่อนวันที่ 14 มี.ค. ศกนี้ ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: