ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่ง ห้ามบริษัทจีน 59 รายระดมทุนในสหรัฐ ซึ่งเป็นการสานต่อมาตรการเดิมที่ริเริ่มในสมัยของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีการสั่งห้ามบริษัทจีนจำนวน 59 บริษัท ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนหรือมีบทบาทในอุตสาหกรรมอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้ในการสอดแนมหรือการเฝ้าระวังซึ่งอาจมีการนำไปใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน เข้ามาระดมทุนในตลาดสหรัฐ และห้ามบริษัทอเมริกันลงทุนในบริษัทเหล่านี้ ในจำนวนดังกล่าวรวมถึงบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีนอีก 3 รายด้วยกัน
คำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ส.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 00.01 น.เป็นต้นไป ตามเวลานิวยอร์ก โดยนักลงทุนมีเวลา 1 ปีเพื่อถอนการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ
หลายบริษัทในคำสั่งแบนของปธน.ไบเดนนั้น ส่วนใหญ่เป็นรายเดียวกันกับที่มีคำสั่งแบนไว้แล้วในสมัยของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ (ในยุคของทรัมป์มีคำสั่งแบนบริษัทจีนไว้ 48 บริษัท) ซึ่งรวมถึงบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้แก่ บริษัทไชน่าโมบายล์ บริษัทไชน่ายูนิคอม และบริษัทไชน่าเทเลคอม
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งชาติของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ภายใต้กองทัพจีน บริษัทไชน่า นอร์ธ อินดัสทรีส์ บริษัทไชน่า เอโรสเปซ ซายน์ แอนด์ อินดัสทรี คอร์ปอเรชัน และบริษัทไชน่า ชิปบิลดิ้ง อินดัสทรี โค. เป็นต้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฮิควิชัน ดิจิทัล เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้พัฒนากล้องวงจรปิดและระบบจดจำใบหน้าชื่อดังของจีน ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในรายชื่อคำสั่งแบนของสหรัฐ โดยฮิควิชันได้ช่วยรัฐบาลจีนจัดทำโครงการ "เมืองปลอดภัย" ในซินเจียง ซึ่งกำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์
คำสั่งของปธน.ไบเดนส่วนใหญ่ต่อเนื่องมาจากนโยบายที่ออกมาในยุคของอดีตปธน.ทรัมป์ ซึ่งสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับขอบเขตในการลงทุน เนื่องจากบริษัทที่ถูกสั่งแบนนั้นยังมีบริษัทในเครืออื่น ๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและรัฐสภาสหรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งต่อจีนในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ประเด็นการค้าไปจนถึงประเด็นสิทธิมนุษยชน
ข้อมูลอ้างอิง
Biden prohibits U.S. investment in 59 Chinese companies allegedly tied to military, surveillance
ข่าวที่เกี่ยวข้อง