สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายมาซาคาสึ โทคุระ ประธานสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม “เคดันเรน” ได้ยื่นข้อเสนอต่อนายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ “มาตรการเชิงรุก” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคมเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงแล้ว
นอกจากนี้ มาตรการเชิงรุกของสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นที่ยื่นเสนอต่อรัฐบาล ยังรวมถึงขอให้รัฐบาลอนุญาตให้มีการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยไม่จำกัดอยู่เพียงในโรงพยาบาลและคลินิกที่รัฐกำหนดไว้ และขอการเปิดทางให้ร้านขายยา ขายชุดตรวจแบบ ATK ที่ได้รับการอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขได้ด้วย
นายโทคุระแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ประชาชนญี่ปุ่นกว่า 80% จะได้รับวัคซีนครบโดสภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า และหากอัตราการเกิดเคสรุนแรงปรับตัวลงมากพอแล้ว ก็ควรหาทางสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสกับกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น ล่าสุดบรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเค และเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เจแปนไทม์ของญี่ปุ่น รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมต่ออายุประกาศภาวะฉุกเฉินต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ มีผลใน 19 จังหวัด รวมทั้งกรุงโตเกียวและโอซากา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่ประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับ 21 จังหวัด และประกาศกึ่งภาวะฉุกเฉินสำหรับ 12 จังหวัด จะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ถามว่าประกาศภาวะฉุกเฉินมีผลอย่างไรบ้าง คำตอบก็คือ ร้านอาหารและบาร์จะหยุดเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งงดบริการร้องเพลงคาราโอเกะ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ปิดร้านภายในเวลา 20.00 น.
ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ร้านค้าและห้างสรรพสินค้า จะต้องจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้ารับบริการในแต่ละครั้ง เพื่อให้มีพื้นที่พอเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย ทางการยังขอให้ประชาชนอยู่บ้านหรือทำงานที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาด พร้อมทั้งลดจำนวนผู้ใช้รถใช้ถนนลง 70%
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะลดระดับการควบคุมโรคสำหรับจังหวัดมิยางิ และจังหวัดโอกายามะ เป็นพื้นที่ควบคุม “กึ่งภาวะฉุกเฉิน” จากเดิมเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดภายใต้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดในญี่ปุ่น (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.ย.) พบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่รายวัน 10,603 คน ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1.59 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวนรวม 16,436 ราย