ผลสำรวจของ Newspoll ระบุว่า คะแนนความพึงพอใจที่มีต่อผลงานของ นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ลดลง 3 จุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนส.ค. แตะระดับ 46% ส่วนคะแนนความ “ไม่พึงพอใจ” ในตัวนายมอร์ริสันเพิ่มขึ้นแตะ 50% ส่งผลให้คะแนนนิยมสุทธิของผู้นำออสเตรเลียติดลบ 4 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค 2563 และร่วงลงอย่างมากจากระดับบวก 34 จุดในเดือนก.ย. 2563
ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในระหว่างที่ชาวออสเตรเลียประมาณครึ่งประเทศ หรือครึ่งหนึ่งของประชากร 25 ล้านคนทั้งประเทศ ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นมากในเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น ทำให้รัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย ต้องยกเลิกเป้าหมายโควิด-19 เป็นศูนย์ และหันมาเร่งฉีดวัคซีนแทน เพื่อที่จะสามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาใช้วิถีชีวิตแบบปกติให้ได้เร็วที่สุด
เพราะเมื่อการฉีดวัคซีนรวดเร็วขึ้น ก็จะทำให้สามารถผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง เช่น การรวมตัวกันทำกิจกรรมใน 12 ชานเมืองทางตะวันตกของซิดนีย์ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถรวมตัวกันกลางแจ้งได้ 5 คน เป็นต้น
สถิติ ณ วันอาทิตย์ที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา ชี้ว่าออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันทั่วประเทศรวม 31,778 รายในเดือนก.ย. ทำให้เป็นเดือนที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดของออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ข่าวระบุว่า รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ โดยเมื่อวันจันทร์ (20 ก.ย.) มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มอีก 567 ราย เพิ่มจาก 507 รายเมื่อวันอาทิตย์ และยังมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่ม 1 ราย นอกจากนี้ยังทำสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเกินกว่า 500 รายเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน
ทางการออสเตรเลียกำหนดว่า การล็อกดาวน์ในรัฐวิกตอเรียจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ 70% ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว คาดว่าเป้าหมายดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ประมาณวันที่ 26 ต.ค. จากนั้นทางการออสเตรเลียมีแผนจะขยับเป้า เป็นทำให้ได้ 80% ก่อนถึงวันแข่งม้าเมลเบิร์น คัพ ในวันที่ 2 พ.ย.ที่จะถึงนี้