ญี่ปุ่นจ่อยกเลิกภาวะฉุกเฉิน เวียดนามเล็งคลายล็อกดาวน์

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เปิดเผยขณะแถลงต่อสื่อมวลชน ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้าร่วมประชุมกับผู้นำของสหรัฐ ออสเตรเลีย และอินเดียว่า ญี่ปุ่น เห็นสัญญาณบวกเกี่ยวกับการยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปลายเดือน ก.ย.นี้ พร้อมระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่น มีแนวโน้มดีขึ้น

นายกฯญี่ปุ่นย้ำว่า เขาต้องการจะตัดสินใจว่าจะยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินหรือไม่ หลังจากได้ฟังความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน นอกจากนี้ ได้หยิบยกข้อเท็จจริงซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในญี่ปุ่นลดลงเหลือประมาณ 3,000 รายต่อวัน จากที่เคยแตะประมาณ 25,000 รายต่อวัน

ด้านนายโนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่การประกาศภาวะฉุกเฉินจะสิ้นสุดลงในวันพฤหัสฯนี้ (30 ก.ย.) เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นายทามูระกล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดภายในครั้งเดียว แต่จะดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อสร้างสมดุลระหว่างมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ

เช่นเดียวกับที่ ประเทศเวียดนาม รัฐบาลวางแผนเตรียมผ่อนคลาย มาตรการล็อกดาวน์ ลด-ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ ๆ  นอกจากนี้ ยังมีแผนจะอนุญาตให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มดำเนินการผลิตได้อีกครั้งตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพื่อ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลายาวนาน

นายฝ่าม มีง จีง นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวเมื่อวันเสาร์ (25 ก.ย.) ว่า  วันที่ 30 ก.ย. พื้นที่ที่ปลอดภัยสามารถผ่อนปรนมาตรการข้อจำกัดด้านโควิดและฟื้นฟูธุรกิจ ตลอดจนกิจกรรมทางสังคม

“การต่อสู้กับการระบาดไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นการตั้งกำแพงและข้อจำกัดทางกายภาพเท่านั้น” ผู้นำเวียดนามกล่าวในที่ประชุมครม. การตัดสินใจครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่เวียดนามมีอัตราการเสียชีวิตรายวันลดลง และพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 9,682 คนเมื่อวันเสาร์ (25 ก.ย.) ซึ่งนับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 10,000 คน

ข้อมูลชี้ว่า ปัจจุบัน เวียดนามมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมอยู่ที่ 746,600 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสม 18,400 คน

ข้อจำกัดของมาตรการล็อกดาวน์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว-การเดินทางของผู้คน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตของประเทศเวียดนาม และยังส่งผลให้โรงงานบางแห่งต้องปิดทำการชั่วคราว สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างชาติในเวียดนามต้องออกมาเตือนรัฐบาลว่า มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในเขตพื้นที่ภาคใต้ ทำให้บริษัทต่างชาติบางรายจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่นแทนแล้ว

ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีดีพีของเวียดนามอาจขยายตัวราว 3.5%-4.0% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ก่อนหน้าที่ 6.5%  เวียดนาม มีประชากร 98 ล้านคน กำลังเร่งโครงการฉีดวัคซีน และถึงแม้การฉีดวัคซีนรายวันจะสูงถึง 700,000 คน แต่อัตราการฉีดวัคซีนที่ 7.61% ก็ถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค