รายงานความเคลื่อนไหวล่าสุดพบว่า เอเวอร์แกรนด์ ได้ประกาศแผนขายหุ้นมูลค่า 9.99 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ที่บริษัทถือครองอยู่ในธนาคารเสิ้งจิง (Shengjing Bank) ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐบาลจีน เพื่อระดมเงินทุนในช่วงเวลาที่เอเวอร์แกรนด์กำลังเผชิญกับ ปัญหาหนี้สิน จำนวนมาก
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังผลักดันให้บรรดาบริษัทของรัฐบาลและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เข้าซื้อสินทรัพย์บางส่วนในบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งข่าวการขายหุ้นที่เอเวอร์แกรนด์ถืออยู่ในธนาคารเสิ้งจิงก็สอดคล้องกับรายงานข่าวดังกล่าว
ในส่วนของรายละเอียดนั้น เอเวอร์แกรนด์ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงระบุว่า หุ้นของธนาคารเสิ้งจิงจำนวน 1.75 พันล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 19.93% ของทุนเรือนหุ้นของธนาคารนั้น จะถูกขายให้กับบริษัทเสิ่นหยาง เสิ้งจิง ไฟแนนซ์ อินเวสต์เมนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการเงินทุนและสินทรัพย์ของรัฐบาลจีน ในราคาหุ้นละ 5.70 หยวน ซึ่งจะส่งผลให้เสิ่นหยาง เสิ้งจิง ไฟแนนซ์ อินเวสต์เมนท์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของธนาคารเสิ้งจิง
นับเป็นการออกสื่อครั้งแรกของเอเวอร์แกรนด์ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเอเวอร์แกรนด์ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดรวดในวันเดียวกัน และหลังจากนั้นผู้บริหารของบริษัทก็เก็บตัวเงียบเชียบไม่มีข่าวออกสื่อใด ๆ กระทั่งถึงวันนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นกำหนดที่เอเวอร์แกรนด์ต้องชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้อีกครั้ง งวดนี้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ จึงเริ่มมีความเคลื่อนไหวให้เห็น
ด้านธนาคารกลางจีนก็มีความเคลื่อนไหวออกสื่อเช่นกัน โดยมีการประกาศอัดฉีดเงินอีก 1 แสนล้านหยวน (1.55 หมื่นล้านดอลลาร์) ในวันนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบติดต่อกันเป็นวันที่ 9 และเป็นสถิติการอัดฉีดเงินเข้าระบบที่ต่อเนื่องนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับความต้องการเงินสดที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล รวมทั้งบรรเทาความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นจากวิกฤตหนี้สินของไชน่า เอเวอร์แกรนด์
การอัดฉีดเงินของธนาคารกลางจีนในวันนี้เป็นการดำเนินการผ่านทางข้อตกลง reverse repos ประเภทอายุ 14 วัน โดย reverse repo เป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต
เป้าหมายของการดำเนินการครั้งนี้ ก็เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ หลังจากที่บริษัทออกมาประกาศยอมรับว่ามีปัญหาหนี้สินและมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ได้