นายโจ เคมป์ โฆษกของ บริษัท นอร์ทเวลล์ เฮลท์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศปลดพนักงานที่ ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1,400 คน
อย่างไรก็ดี พนักงานที่ถูกปลดออกนั้นคิดเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยของนอร์ทเวลล์ซึ่งมีพนักงานกว่า 76,000 คนที่ขณะนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว โดยการดำเนินการของนอร์ทเวลล์เป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทด้านการดูแลสุขภาพรายอื่น ๆ ที่เพิ่งเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับในการฉีดวัคซีน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐนิวยอร์กได้ออกมาตรการบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะที่อีกหลายรัฐรวมทั้งแคลิฟอร์เนียก็ได้ออกมาตรการในลักษณะเดียวกัน
บริษัทนอร์ทเวลล์ได้ออกกฎข้อบังคับในการฉีดวัคซีนในเดือนส.ค. เป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่รัฐนิวยอร์กจะออกมาตรการดังกล่าว โดยข้อบังคับของบริษัทนอร์ทเวลล์ครอบคลุมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรทั่วไป
"เป้าหมายของเราไม่ใช่การเลิกจ้างพนักงาน เป้าหมายของเราคือให้คนไปฉีดวัคซีน" นายเคมป์กล่าว
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของบริษัทนอร์ทเวลล์ระบุว่า "ทางบริษัทรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียพนักงานในสถานการณ์เช่นนี้ เราเป็นหนี้พนักงานของเรา ผู้ป่วยของเรา และชุมชนที่เราให้บริการเพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ 100%"
ก่อนหน้านี้ มีหลายบริษัทในสหรัฐได้นำมาตรการลักษณะเดียวกันนี้มาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของบุคลากรในองค์กร เช่น สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ที่ออกจดหมายเวียนไปยังพนักงานในสหรัฐทั้งหมดจำนวน 67,000 คนเมื่อวันที่ 7 ส.ค. โดยระบุให้พนักงานทุกคนจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่เกินวันที่ 25 ต.ค.นี้ มิฉะนั้นจะถูกให้ออกจากงาน (อ่านเพิ่มเติม: "ยูไนเต็ด แอร์ไลน์" ขู่ไล่พนักงาน หากไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด) และกรณีของสำนักข่าว CNN ที่ออกมายอมรับว่า มีการไล่ออกพนักงานแล้ว 3 คน เนื่องจากพนักงานเหล่านี้ ละเมิดนโยบายของบริษัทด้วยการกลับเข้าทำงานในออฟฟิศโดยไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (อ่านเพิ่มเติม:CNN ไล่ออก 3 พนักงานฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ฉีดวัคซีนโควิดก่อนกลับเข้าออฟฟิศ )
ข้อมูลอ้างอิง
New York's largest healthcare provider fires 1,400 unvaccinated workers