นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อวันอาทิตย์ (19 มิ.ย.) ระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ต้องการทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคชาวอเมริกันที่กำลังเผชิญภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นตาม อัตราเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันยอมรับว่า ราคาน้ำมัน ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากกำลังสร้างภาระให้กับครัวเรือนอเมริกันอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันในสหรัฐแตะระดับสูงสุดที่ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2564) เยลเลนมองว่า การยกเว้นภาษีน้ำมันที่ 18 เซนต์ต่อแกลลอนในกรอบระยะเวลาหนึ่ง เป็นหนึ่งในมาตรการที่อาจจะนำมาพิจารณาปรับใช้ เธอเชื่อว่า ปธน.ไบเดนจะผลักดันเรื่องนี้ในสภาคองเกรสด้วยเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดน ยื่นจดหมายต่อบริษัทน้ำมันรายใหญ่ 7 แห่ง ให้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงมา เขายังกล่าวด้วยว่า ผลกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบรรดาบริษัทน้ำมันเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้” ท่ามกลางภาวะที่ราคาน้ำมันหน้าปั๊มในสหรัฐทะยานสูงขึ้นเช่นนี้
อ่านเพิ่มเติม: รัฐบาลสหรัฐงัดบริษัทพลังงาน นัดโรงกลั่นถกปัญหาราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นางเยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ปธน.ไบเดนกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากจีนที่บังคับใช้มาตั้งแต่ยุคอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเยลเลน มองว่า มาตรการกำแพงภาษีในยุคนั้น “ไม่มีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ใด ๆ และยังเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้บริโภคด้วย”
เยลเลนย้ำว่า อัตราเงินเฟ้อในขณะนี้สูงขึ้นในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้ และเหตุผลหนึ่งก็มาจากการบุกยูเครนของรัสเซียที่ดันราคาน้ำมันและราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ทั้งนี้ ผู้บริโภคอเมริกันอาจไม่ได้รับการบรรเทาผลกระทบอย่างรวดเร็วนักแม้ว่ารัฐบาลจะพยายามช่วยเหลือผ่านหลากหลายมาตรการ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สถานการณ์เงินเฟ้อจะค่อยๆ ปรับตัวคลี่คลายลงมา
ส่วนความกังวลเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวม นางเยลเลนคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจมีการชะลอตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่เชื่อว่าจะถึงกับเข้าสู่ภาวะถดถอย