ทูตอิหร่าน พูดชัด "อิสราเอลหยุดยิง" เงื่อนไขเดียวที่ฮามาสปล่อยตัวประกัน

20 ต.ค. 2566 | 10:17 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2566 | 10:30 น.

"ทูตอิหร่าน" เผยรมต.ต่างประเทศของอิหร่าน พบกับ "ผู้นำกลุ่มฮามาส" ที่กาตาร์ ระบุ จับตัวประกันไป 200 กว่าราย เสียชีวิตแล้ว 9 ราย ย้ำ การปล่อยตัวประกันยังยากลำบาก หากอิสราเอลยังไม่หยุดยิง ให้สัญญาว่าจะปล่อยตัวหลังเจรจาหยุดยิงได้

ช่วงบ่ายวันที่ 20 ตุลาคม 66 ตัวแทนกลุ่ม Palestine solidarity campaign หรือ PSC Thailand โดย ศ.พลโท ดร.สมชาย วิรุฬหผล ที่ปรึกษา PSC Thailand ร่วมกับ นายซัยยิด เรซา โนบัดตี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานภาพตัวประกันชาวไทย และความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล รวมถึงแนวโน้มการขยายตัวของสถานการณ์

นายซัยยิด เรซา โนบัดตี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ระบุถึงสถานการณ์ของตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสจับกุมไปซึ่งรวมตัวประกันชาวไทย ว่า 
หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ได้เข้าพบกับ นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาสที่ประเทศกาตาร์ โดยมีการพูดคุยขอให้ปล่อยตัวประกัน ทั้งชาวไทยและชาวฟิลิปินส์ที่ถูกจับกุมตัวไป 200 กว่าคนนั้น ตอนนี้การสู้รบยังคงมาความเสี่ยง ถ้ายังไม่มีการหยุดยิงการปล่อยตัวประกันก็จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก

"แต่ทางกลุ่มฮามาส ก็รับปากแล้วว่าจะปล่อยตัวประกัน ซึ่งตัวประกันที่ถูกจับกุมไประหว่างที่มีการโจมตีนั้น ส่งผลให้ตัวประกันเสียชีวิตแล้ว 9 คน ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นชาติใด แต่กลุ่มฮามาสได้พยายามย้ายตัวประกันไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และถ้าตราบใดที่ยังไม่มีการเจรจาการสร้างเสรีภาพทำได้ยาก และสถานการณ์ขณะนี้ค่อยข้างลำบากด้วยเพราะอิสราเอลยังโจมตีฉนวนกาซ่าอยู่"

รวมถึงตอนนี้อิสราเอลประกาศว่า ตัวประกันไม่ใช่ภารกิจของเค้า แต่ภารกิจหลักคือการยึดและทำลายกลุ่มฮามาส 

ส่วนการแสข่าวการเคลื่อนไหวกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ที่อยู่ในเลบานอน ทางตอนเหนือของอิสราเอล ที่ว่าได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านนั้น ทูตอิหร่านประจำประเทศไทย บอกว่า จริงๆ มีกองกำลังความสามารถที่จะบุกไปถึงกรุงเทลอาวีฟได้ แต่เวลานี้พยายามที่จะจำกัดบทบาทแค่ป้องปรามไม่ให้อิสราเอลบุกมายังเลบานอน และหากอิสราเอล ยังบุกฆ่าชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาต่อเนื่อง กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ อาจจะมีมาตราการที่เข้มข้นขึ้น มีการตอบสนองมากขึ้น แต่ถ้ามีการแก้ไขอย่างสันติวิธี  ก็พร้อมหยุด ดังนั้นที่มีข่าวว่าเป็นการรุมสกรัมอิสราเอล ยืนยันว่า ในตอนนี้ยังไม่ปรากฏมีการรุมสกรัม แต่มีการดวลปืนใหญ่ตามชายแดนอยู่บ้าน

ทั้งนี้กรณีที่ต่างประเทศต่างก็มีการสนับสนุนทั้ง 2 ฝ่ายนั้น มองว่า ส่วนใหญ่ประเทศทางตะวันตกให้การสนับสนุนอิสราเอล แต่ว่าอย่างไรก็ตามประชาชนในประเทศเหล่านั้น มีจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนปาเลสไตน์และคัดค้านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของตัวเอง ซึ่งอันนี้ก็รวมทั้งการเคลื่อนไหวของ psc ในต่างประเทศด้วย เช่น ไอซ์แลนด์ สกอตแลนด์ ค่อนข้างที่จะรุนแรง ส่วนประเทศมุสลิมแน่นอนว่า ให้การสนับสนุนปาเลสไตน์ และยังมีกองกำลังทั้งหลายที่ให้การสนับสนุนกลุ่มฮามาสในการสู้รบ เนื่องจากอิสราเอลมีกำลังเหนือกว่าและได้รับการสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจ เป็นภาระที่หนักหน่วง

ส่วนการสู้รบมีแนวโน้มจะขยายตัวหรือไม่ เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ระบุว่า ถ้าตราบใดที่อิสราเอลยังโจมตีฉนวนกาซาอยู่ โอกาสที่สงครามขยายตัวมีมาก โดยหวังว่าจะหยุดการเข่นฆ่าและเริ่มเจรจา ซึ่งประเด็นแรกจะต้องหยุดยิงและเจรจาเรื่องของการแลกเปลี่ยนตัวประกัน ตรงนี้หมายถึงตัวประกันอิสราเอลที่ฮามาสจับตัวไป ก็จะแลกเปลี่ยนกับพวกเชลยศึกหรือนักโทษที่ติดคุกในอิสราเอลอยู่ แต่ถ้าอิสราเอลยังโจมตีอยู่ก็ไม่แน่ใจว่า สงครามจะขยายตัวต่อไปหรือไม่ ซึ่งความเป็นไปได้มีโอกาสขยายตัวสูง

เมื่อถามว่า มีประเทศมหาอำนาจมาร่วมในความขัดแย้งนี้ด้วย คุณคิดว่าความขัดแย้งนี้ จะคลี่คลายลงได้อย่างไร นายซัยยิด เรซา โนบัดตี ระบุว่า มหาอำนาจที่เข้ามายุ่งก็มีแค่ชาติเดียวคือ อเมริกา ชาติ อื่นๆ ก็ไม่ได้เอาตัวเองมาร่วมในสงครามนี้

ตั้งแต่ 1948 ที่ก่อตั้งรัฐอิสราเอล อเมริกาก็ Support อิสราเอลมาตลอด มิซไซล์ที่อิสราเอลใช้ก็มาจากอเมริกา แต่ในทางกลับกัน ประเทศอื่นเช่น รัสเซีย จีน อิหร่าน ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ หรือซัพพอร์ตปาเลสไตน์ แต่ถ้าเหตุการณ์ยังดำเนินต่อไปแบบนี้คิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง 

เมื่อถามว่า อยากส่งสารอะไรถึงรัฐบาลไทยโดยเฉพาะเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวประกัน ทูตอิหร่านฯ บอกด้วยว่า ขอบคุณรัฐบาลไทย เพราะวางตัวเป็นกลาง ซึ่งเป็นทางที่ดีที่สุดในการวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์นี้ พวกเขาทำดีที่สุดในการประสานงานกับอิหร่าน กาตาร์ และประเทศอื่นๆ ในการพาคนไทยกลับจากอิสราเอลและปาเลสไตน์

“แต่อย่างที่ผมบอกไปว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความประพฤติของรัฐบาลอิสราเอล ผมคิดว่าเขาควรจะหยุดโจมตีผู้บริสุทธิ์ มันยังมีหนทางที่จะปล่อยตัวพวกเขาทั้งหมด เพราะในการพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน กับ นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส และบอกเขาว่า ไทยมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับเรามากว่าร้อยปี ขอให้พยายามให้พวกเขาอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งทางนั้นยืนยันกลับมาว่า ที่ที่พวกเขาอยู่ ปลอดภัย พวกเขาอยู่กับครอบครัวคนอื่นๆ แต่อิสราเอล โจมตีทุกคนไปหมดที่อยู่นั่น และนี่คือปัญหา”

ส่วนที่มีแรงงานไทยเล่าว่า กลุ่มฮามาสพูดทักทายจนแรงงานไทยนึกว่าเป็นทหารอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือนั้น ศ.ดร.พล.ท.สมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความสับสนเนื่องจากเกิดการรบลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ข้อมูลบางอย่างบางทีอาจจะมีความสับสน อีกประการหนึ่งคนที่ไปทำงานที่นั่น เมื่อกลับมาแล้วคงไม่กล้าให้ข้อมูลที่เป็น negative เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อพรรคพวกของเขาที่อยู่ที่นั่น ตรงนี้คงบอกยาก

ส่วนกรณีที่ระเบิดโรงพยาบาลตอนนี้ก็อิสราเอลพูดว่า เป็นฝีมือฮามาส แต่ตอนแรกบางสื่อระบุว่า เป็นฝีมืออิสราเอล หากจะให้แน่ชัดต้องให้สหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์จะได้รู้ว่าใครโจมตี จากนั้นนำขึ้นศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพราะเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่ทำลายโรงพยาบาล 

"จุดยืนของ PSC Thailand มีการประสาน PSC ที่ยูเครน เพื่อที่จะได้มีการขับเคลื่อนเป็นหนึ่งอันเดียวกับปาเลสไตน์ แต่เราจะต่อสู้ในแนวสันติ เพื่อให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืน แต่สันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีความเป็นธรรมและไม่มีนิติธรรม" ศ.พล.ท.ดร.สมชาย กล่าว

นอกจากนี้ ทางกลุ่มกลุ่ม PSC thailand ยังได้อ่านแถลงการณ์ประมาณเหตุการณ์ทิ้งระเบิดโรงพยาบาลฉนวนกาซ่าทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ราย ระบุว่า
 PSC thailand ขอประนามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม รวมถึงการโจมตีฉนวน กาซาอย่างต่อเนื่อง ของอิสราเอล โดยอ้างว่า โจมตีฮามาส ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่การโจมตีด้วยอาวุธหนักและทางอากาศจะไม่ก่อเหตุอันทำให้พลเรือนชาวปาเลสไตน์ ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากทั้งเด็กและคนชราต้องได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

รวมถึงขอประณามการปิดล้อมฉนวนกาซาทั้งการตัดน้ำ ตัดอาหาร ยารักษาโรคและไฟฟ้า ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์อย่างทรมานและนับว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง หากทางการอิสราเอลจะออกมาแก้ต่างว่า การระเบิดโรงพยาบาลนั้น เป็นการกระทำของฮามาส เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นทาง PSC thailand และเครือข่ายก็ขอเรียกร้องให้ทางอิสราเอลแสดงความจริงใจในการเร่งดำเนินการเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติเข้าไปทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะได้เป็นที่ชัดเจนว่า เป็นการกระทำของฝ่ายใด

และหากอิสราเอลยังไม่ยอมเปิดทางให้ ก็ย่อมแสดงว่าการแถลงของอิสราเอลเป็นเพียงวาทกรรมที่โป้ปดเบี่ยงเบนอาชญากรรมสงครามที่ตนกำลังกระทำอยู่ 

สุดท้ายนี้ PSC thailand ยังคงยืนยันที่จะให้มีการแก้ปัญหาโดยสันติ นั่นคือ การหยุดยิง เร่งให้มีการเจรจาและปฏิบัติตามมติสหประชาชาติปี 1967 คือ การคืนดินแดนที่ยึดครองไปและยินยอมให้มีการจัดตั้งประเทศปาเลสไตน์