จีน-สหรัฐซัดกันต่อ Chip War ระอุ ปักกิ่งลั่น ห้ามใช้ชิปอินเทล-AMD ในคอมพ์รัฐ

25 มี.ค. 2567 | 17:10 น.

สงครามเซมิคอนดัคเตอร์ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาไม่เคยแผ่ว ล่าสุด รัฐบาลจีนออกกฎเกณฑ์ใหม่ ห้ามใช้ชิปประมวลผลของสองยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน “อินเทล-AMD” ในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานรัฐ

รัฐบาลจีน ประกาศแนวทางการปฏิบัติงาน (guidelines) ที่มีจุดประสงค์เพื่อสกัดกั้น การใช้ชิปประมวลผล ที่ผลิตโดย บริษัทอินเทล (Intel) และ บริษัทเอเอ็มดี (AMD) ของ สหรัฐอเมริกา ในคอมพิวเตอร์และระบบเซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานรัฐ

สื่อต่างประเทศรวมทั้งรอยเตอร์ ไฟแนนเชียลไทม์ และซีเอ็นบีซี รายงานว่า นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้ว รัฐบาลปักกิ่งยังออกแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง (procurement guidance) ที่มีเป้าหมายสกัดกั้นช่องทางของเติบโตของระบบปฏิบัติการวินโดว์ส (Windows) ของบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกัน รวมทั้งซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลที่ผลิตโดยประเทศอื่น ๆ ในตลาดจีนอีกด้วย เพื่อที่จะเปิดทางให้กับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ในประเทศจีนเองมาเป็นตัวเลือกหลักแทน

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนพยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ภายในประเทศมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

ไฟแนนเชียล ไทมส์ สื่อใหญ่ของอังกฤษเปิดประเด็นเมื่อวันอาทิตย์ (24 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจีนได้นำแนวทางปฏิบัติใหม่ข้างต้นมาใช้เพื่อค่อยๆกำจัดชิปประมวลผลของสหรัฐออกไปจากคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานรัฐบาลของจีน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชิปประมวลผลของอินเทลและ AMD โดยตรง

จีนห้ามการใช้ชิปประมวลผลที่ผลิตโดยบริษัทอินเทล และบริษัทเอเอ็มดี ของสหรัฐอเมริกาในคอมพิวเตอร์และระบบเซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานรัฐ

ส่วนแนวทางการจัดซื้อ ซึ่งการเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 และขณะนี้ก็เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วด้วย จะส่งผลต่อระบบปฏิบัติการของวินโดว์ส และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลของบริษัทต่างประเทศรายอื่นๆ ซึ่งเป็นการเปิดทางสะดวกให้กับบรรดาบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ของจีนเอง แนวทางดังกล่าวนี้หมายความว่า หน่วยงานของรัฐบาลจีนในระดับอำเภอขึ้นไป จะต้องระบุเงื่อนไขการจัดซื้อระบบปฏิบัติการและประมวลผลที่ “ปลอดภัยและไว้วางใจได้” ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่นี้ไปด้วย

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมจีนได้ออกแถลงการณ์ พร้อมระบุรายชื่อของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ระบบประมวลผล และระบบฐานข้อมูลส่วนกลาง ที่เข้าข่าย “ปลอดภัยและไว้วางใจได้” เป็นระยะเวลานาน 3 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการเผยแพร่ออกมา โดยทั้งหมดล้วนเป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทจีน

ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้ส่งแฟกซ์ไปยังสำนักงานสารสนเทศของสภาแห่งรัฐ (State Council Information Office) ซึ่งรับผิดชอบการติดต่อระหว่างสื่อกับคณะรัฐมนตรีจีน เพื่อขอความเห็นในเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ เช่นเดียวกับบริษัท อินเทล และ AMD ที่ไม่ได้ตอบกลับการคำขอความเห็นของผู้สื่อข่าวเช่นกัน

ความพยายามของจีนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศนั้น เกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐเอง ก็เดินหน้าความพยายามที่จะยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศของตนเองเช่นกัน เป้าหมายก็เพื่อลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีนและไต้หวันซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้ สหรัฐได้ผลักดัน กฎหมาย CHIPS and Science Act ปี 2022 ออกมาบังคับใช้ในยุคสมัยของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งก็ยิ่งทำให้การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการนำมาตรการในเชิง "สกัดกั้นและกีดกัน" ผลิตภัณฑ์ของฝ่ายตรงข้ามออกมาบังคับใช้ด้วย โดยในฝั่งของสหรัฐเอง ก็ได้นำมาตรการจำกัดการส่งออกมาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่า เทคโนโลยีสำคัญๆของบริษัทสหรัฐจะไม่ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายจีนเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่นในเดือนตุลาคม 2022 รัฐบาลสหรัฐออกกฎหมายที่พุ่งเป้าจำกัดบริษัทจีนไม่ให้สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงของสหรัฐเพราะเกรงว่าจีนจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ทางด้านการทหาร นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา (2023) สหรัฐยังออกมาตรการใหม่ห้ามไม่ให้บริษัทเอ็นวิเดีย (Nvidia) ขายชิป AI ซึ่งเป็นชิปที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้กับผู้ซื้อในประเทศจีนอีกด้วย

 

ข้อมูลอ้างอิง