สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงสื่อของ รัฐบาลเมียนมา ที่ระบุว่า ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนรวม 11 คนที่เกี่ยวข้องกับ คดีการขายข้าวโก่งราคา โดยในจำนวนนี้เป็นผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ต ชาวญี่ปุ่น 4 ราย นอกเหนือจากนี้ ยังมีทั้งผู้ค้า เจ้าหน้าที่โรงสี และผู้ค้าปลีกด้วย
หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar สื่อของทางการเมียนมารายงานเมื่อวันจันทร์ (1 ก.ค.) ว่า บุคคลทั้งหมดนี้ถูกกล่าวหาว่า กระทำการโก่งราคาข้าวขึ้น 31%-70% จากราคาปกติ
ทั้งนี้ รัฐบาลเมียนมากำลังเผชิญความยากลำบากทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งก่อให้เกิดการประท้วงรัฐบาลทหารและลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลกลางและกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลที่มีทั้งภาคประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆทั่วประเทศ
นายโยชิมาสะ ฮายาชิ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในนครย่างกุ้งได้ทำการสอบปากคำพลเมืองชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้แล้ว ทางรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งใจที่จะเดินหน้าดำเนินการต่าง ๆ ที่เหมาะสม เช่นการสื่อสารกับนายจ้างของพลเมืองชาวญี่ปุ่นที่ถูกจับกุมตัว และเตรียมเสนอการสนับสนุนต่าง ๆ ที่จำเป็น ขณะเดียวกันก็ร้องขอไปยังทางการท้องถิ่นให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นโดยเร็ว
หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลเมียนมา ยังระบุด้วยว่า หนึ่งในชาวญี่ปุ่นที่ถูกจับกุมเป็นผู้บริหารจากเชนซูเปอร์มาร์เก็ต อิออน ออเรนจ์ (Aeon Orange) ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมทุนระหว่างบริษัทอิออน (Aeon) ของญี่ปุ่น และบริษัท ครีเอชัน เมียนมา (Creation Myanmar) ของเมียนมา
รอยเตอร์รายงานว่า โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาไม่รับโทรศัพท์จากผู้สื่อข่าวที่ต้องการสอบถามความเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้
ขณะเดียวกัน โฆษกของบริษัทอิออนกล่าวกับรอยเตอร์ว่า พนักงานรายหนึ่งของบริษัทถูกทางการเมียนมาควบคุมตัวไว้ และทางบริษัทกำลังประสานงานกับสถานทูตญี่ปุ่นเพื่อติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมอยู่
เจ้าของโรงสีรายหนึ่งในเมียนมาเปิดเผยว่า ธุรกิจหลายแห่งในอุตสาหกรรมนี้ตกอยู่ในภาวะลำบากมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างเป็นทางการและอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดที่ธุรกิจส่วนใหญ่เลือกใช้ในการชำระค่าเชื้อเพลิงและปุ๋ยที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ
แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยว่า การจำหน่ายข้าวในราคามาตรฐานของรัฐบาลเมียนมาทำให้ผู้ค้าขาดทุน ทั้งๆที่เมียนมายังมีข้าวอยู่มากมาย สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลต้องการควบคุมราคา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินจ๊าดของเมียนมาในตลาดมืดนั้น สูงกว่าอัตราอ้างอิงที่ธนาคารกลางเมียนมากำหนดไว้ที่ 2,100 จ๊าดต่อ 1 ดอลลาร์ เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ค่าเงินจ๊าดอ่อนค่าลงมากโดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินจ๊าดในตลาดมืดทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,500 จ๊าดต่อ 1 ดอลลาร์ และคงอยู่ในระดับนั้นมาจนถึงขณะนี้
จากสถิติของธนาคารโลกพบว่า ท่ามกลางสถานการณ์สงครามกลางเมืองในเมียนมา เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทำให้ความยากจนแพร่กระจายมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อเทียบสถิติย้อนหลังในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่ดำเนินการในเมียนมาต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ทั้งการขาดแคลนแรงงานและเงินท้องถิ่นที่อ่อนค่าลงอย่างมาก
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ทางการเมียนมากวาดจับผู้ต้องหาถึง 35 รายซึ่งครอบคลุมข้อหาทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ผู้ค้าทองคำและเงินตราต่างประเทศ ไปจนถึงนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เป้าหมายเพื่อพยุงค่าเงินจ๊าดไม่ให้ตกดิ่งลงไปกว่านี้และทำให้ค่าเงินกระเตื้องขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง