อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์และรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส เตรียมตัวเผชิญหน้ากันในการดีเบตประธานาธิบดีครั้งแรก ก่อนการเลือกตั้งในอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้า เวทีดีเบตถูกจัดโดย ABC News ในช่วงค่ำ 21.00 น.วันอังคาร (10 ก.ย.) หรือช่วงเช้าวันพุธ(11ก.ย.) ตามเวลาในประเทศไทย ที่ศูนย์รัฐธรรมนูญแห่งชาติในเมืองฟิลาเดลเฟีย โดยจะมีระยะเวลาการอภิปราย 90 นาที ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์และแฮร์ริส ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต จะต้องขึ้นเวทีร่วมกัน โดยที่ไม่เคยพบกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน
ดีเบตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมากของการแข่งขันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เดิมทีคาดว่าทรัมป์จะเผชิญหน้ากับประธานาธิบดี โจ ไบเดน แต่หลังจากการดีเบตครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ไบเดนก็ถอนตัวออกจากการแข่งขันท่ามกลางแรงกดดันจากผลงานที่ย่ำแย่และอายุที่มากขึ้นของเขา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพรรคเดโมแครตก็สนับสนุนแฮร์ริสโดยเสนอชื่อเธอให้เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้กระตุ้นให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพรรคเดโมแครตมีกำลังใจและส่งผลให้ผลสำรวจความคิดเห็นทั้งในระดับประเทศและระดับรัฐดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ทีมหาเสียงของทรัมป์ก็พยายามดิ้นรน ด้วยการที่แฮร์ริสกำลังได้รับความนิยมและทรัมป์กำลังหาทางลดกระแสความนิยมของตน
ทั่วโลกต่างกำลังจับตาการดีเบตครั้งนี้ว่าจะเป็นอย่างไร จะมีการหารือประเด็นใดบ้าง และการดีเบตจะส่งผลต่อการแข่งขันอย่างไร เนื่องจากการลงคะแนนเสียงที่ใกล้จะมาถึงแล้ว
การตัดสินใจของไบเดนที่จะยุติหาเสียงที่ทำให้การแข่งขันพลิกผัน แฮร์ริสมีเวลาค่อนข้างสั้นในการนำเสนอตัวเองต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนการลงคะแนน เนื่องจากเข้ามาแทนที่ไบเดนเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งเป็นเวลาเพียงเจ็ดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กลับเป็นผลดีกับเธอเพราะเดโมแครตได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
การสำรวจความคิดเห็น
การสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศโดย Real Clear Politics พบว่า คะแนนนิยมของพรรคเดโมแครตลดลงจาก 3.1 เปอร์เซ็นต์เป็น 1.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ นับตั้งแต่แฮร์ริสเข้าสู่การแข่งขัน คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียงกว่าหนึ่งเดือน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจ แต่คะแนนของทั้งคู่ก็ยังคงสูสีกัน
โพลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันทั่วประเทศจาก New York Times/Siena College ทรัมป์มีคะแนนนิยมนำหน้าแฮร์ริสอยู่เล็กน้อยที่ 48% ต่อ 47%
โพลจาก CBS News/YouGov แฮร์ริสเป็นนำทรัมป์ที่ 40% ต่อ 38% เช่นเดียวกับโพลจาก 538/ABC News แฮร์ริสนำทรัมป์อยู่ที่ 47.2% ต่อ 44.4%
ในรัฐสมรภูมิ ที่ยังไม่แน่นอนว่าใครจะชนะ และอาจเป็นรัฐชี้ขาดการเลือกตั้ง เเต่โพลจากแทบทุกสำนักชี้ว่าแฮร์ริสนำทรัมป์อย่างชัดเจนใน เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน
The Washington Post และ 538/ABC News ชี้ว่าทรัมป์มีคะแนนนำใน แอริโซนาและนอร์ทแคโรไลนา ส่วนจอร์เจียและเนวาดาทั้งสองมีคะแนนสูสีกัน
แม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดเผยคำถาม แต่ยังมีประเด็นจำนวนหนึ่งที่ครองการแข่งขันอยู่ ซึ่งรวมถึง เศรษฐกิจ การย้ายถิ่นฐานการทำแท้ง นโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีสงครามเกิดขึ้นในยูเครนและฉนวนกาซา
ทีมหาเสียงของทรัมป์หวังจะเน้นที่ภาวะเงินเฟ้อและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นที่คิดว่าแฮร์ริสมีความเสี่ยงมากที่สุด สำหรับทีมหาเสียงของแฮร์ริส ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ความเหมาะสมโดยทั่วไปของทรัมป์ในการดำรงตำแหน่งและการทำแท้ง
กฎเกณฑ์ของการดีเบต
กฎเกณฑ์ในการดีเบตกลายเป็นจุดขัดแย้ง ในการอภิปรายครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ฝ่ายไบเดนได้ขอให้ปิดไมโครโฟนของผู้สมัครทั้งสองคนในขณะที่ผู้สมัครอีกคนกำลังพูดเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวน
แต่ในการดีเบตครั้งล่าสุดนี้ทีมงานหาเสียงของแฮร์ริสขอยกเลิกเงื่อนไขดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ากฎดังกล่าวเป็นผลดีต่อทรัมป์ เเต่ทรัมป์เป็นที่รู้จักกันว่าชอบขัดจังหวะระหว่างการดีเบต นักยุทธศาสตร์ของแฮร์ริสจึงแนะนำว่าไมโครโฟนที่ปิดเสียงอาจทำให้เขามีวินัยมากขึ้น
คาดว่ามีเพียงทรัมป์และแฮร์ริสเท่านั้นที่จะปรากฏตัวบนเวที จะไม่มีผู้ชมเข้าร่วมการถ่ายทอดสด และจะมีช่วงพักระหว่างการอภิปรายเพื่อโฆษณาเพียง 2 ช่วงเท่านั้น ผู้สมัครมีเวลาตอบคำถาม 2 นาทีสำหรับแต่ละคำถาม การโต้แย้งจะถูกจำกัดไว้ที่ 2 นาที และอาจมีเวลาเพิ่ม 1 นาทีสำหรับการตอบคำถามเพิ่มเติม ทั้งแฮร์ริสและทรัมป์จะมีเวลาสองนาทีในช่วงท้ายเพื่อกล่าวแถลงการณ์ปิดการดีเบต
หลังจากนี้จะมีการดีเบตอีกไหม
ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดให้มีการดีเบตเพิ่มเติม การเผชิญหน้าระหว่างทรัมป์และแฮร์ริครั้งนี้อาจเป็นครั้งเดียวที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะมีโอกาสได้ชมก่อนลงคะแนนเสียง